หน้าแรก / การพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยเบฟ
การส่งเสริมความผาสุก ของพนักงาน
พนักงานคือกำลังสำคัญที่ช่วยส่งเสริมชื่อเสียงและสร้างความสำเร็จ ให้องค์กร การบริหารจัดการพนักงานที่ดี สวัสดิการและสภาพแวดล้อม ในการทำงานที่เหมาะสมช่วยเพิ่มประสิทธิภาพและผลประกอบการของบริษัท

ไทยเบฟตระหนักดีว่าความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน จึงได้จัดทำแนวทางและวางระบบการจัดการเพื่อให้มั่นใจว่าเราได้ปฏิบัติตามมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม ในที่ทำงาน อันรวมถึงมาตรการป้องกันความเสี่ยงต่ออุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และการเจ็บป่วยจากการปฏิบัติงาน ตลอดจนการสร้างสภาพแวดล้อมในที่ทำงาน ที่ส่งเสริมสุขภาวะกายและใจของพนักงาน
แนวทางการบริหารจัดการ
ทีมงานเครือข่ายอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งนำโดยรองกรรมการ ผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคล และสมรรถนะองค์กร คือกลุ่มผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการจากทุกหน่วยธุรกิจของไทยเบฟ เป็นทีมที่รับผิดชอบ ในการกำกับดูแลและสร้างมาตรฐานกระบวนการและกิจกรรม การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของบริษัท ซึ่งรวมถึง การแยกแยะและวิเคราะห์ถึงอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน ตลอดจนจัดการประชุมเพื่อหารือและตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพ ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ของพนักงาน นอกจากนี้ ทีมงานยังให้คำปรึกษากับพนักงานเรื่องการพัฒนา การปฏิบัติ และประเมินกระบวนการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย

นอกเหนือจากการสร้างความมั่นใจว่าพนักงานทุกคนทำงาน ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพตามกฎหมายและมาตรฐานสากลแล้ว ทีมงานเครือข่ายอาชีวอนามัยและความปลอดภัยยังสนับสนุนการแบ่งปันความรู้ แนวปฏิบัติ และความเชี่ยวชาญ เพื่อนำไปปรับปรุงการปฏิบัติด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย ของบริษัท เป้าหมายระยะยาวคือการสร้างสถานที่ทำงานที่ดีต่อสุขภาพอย่างยั่งยืน
นโยบาย
“นโยบายอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กร” ที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท เป็นแนวทางด้านสภาพแวดล้อมการทำงานที่ถูกสุขลักษณะและปลอดภัย เป็นแนวทางการปฏิบัติสำหรับ กรรมการ พนักงาน และคนอื่น ๆ ในสถานที่ทำงานของไทยเบฟ นโยบายและคำชี้แจงฉบับเต็มเปิดเผยต่อสาธารณะบนเว็บไซต์ของเรา
ความเสี่ยงและโอกาส
ไทยเบฟกำหนดกระบวนการระบุอันตรายในสถานที่ทำงาน โดยทีมสุขภาพและความปลอดภัยจะทบทวนกระบวนการนี้ปีละครั้ง และดำเนินการประเมินความเสี่ยงเมื่อจำเป็น เช่น หลังจากเหตุการณ์ ที่เกือบเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ทีมงานมีการประชุมรายสัปดาห์ รายเดือน และรายปี เพื่อหารือและตัดสินใจเรื่องสุขภาพ ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ของพนักงาน ผลการประเมิน ความเสี่ยงจะถูกเพิ่มเข้าไปในวาระการประชุมเพื่อให้ทีมงานสามารถหาแนวทางแก้ไขและพัฒนาแผนป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดซ้ำขึ้นได้อีก

ไทยเบฟกำหนดกลไกการรายงานโดยไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถแจ้งข้อกังวลหรือเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อ การบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วย นอกจากนี้ พนักงานทุกคนต้อง ฝึกอบรมด้านสุขภาพและความปลอดภัยเป็นประจำทุกปี เพื่อเพิ่มความสามารถในการระบุและบรรเทาอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ทั้งภายในสถานที่ทำงานและชีวิตส่วนตัว รายงานทั้งหมดจะถูกตรวจสอบ อย่างละเอียดและนำไปใช้เพื่อปรับปรุงแนวทางปฏิบัติด้านสุขภาพ และความปลอดภัยของบริษัทต่อไป

สำหรับการระบาดของโรคที่ผ่านมา บริษัทได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกัน การเตรียมพร้อม การปรับตัว และการจัดการในภาวะวิกฤต การร่วมกันกำหนดมาตรการบังคับใช้ เช่น กลยุทธ์ การเว้นระยะห่างทางสังคมและการป้องกันโรค ถือเป็นสิ่งสำคัญ อย่างยิ่งในการบรรเทาการแพร่กระจายของโรคได้ นอกจากนี้ การเตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยเพื่อเข้ารักษาในโรงพยาบาลอย่างสะดวกยิ่งขึ้น การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ยา และเวชภัณฑ์อย่างเพียงพอ นับเป็นสิ่งสำคัญในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่นเดียวกับการจัดเตรียมการทำงาน ที่บ้านและการประชุมออนไลน์ รวมถึงความสามารถในการจัดการวิกฤตอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการจัดหาวัคซีนและการปิดโรงงาน เพื่อปกป้องการผลิตก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญมากไม่แพ้กัน
กระบวนการบริหารจัดการ
ไทยเบฟมีเป้าหมายในการควบคุมจัดการและขจัดอันตราย รวมถึง ลดความเสี่ยงในงานประจำวันและงานที่ไม่ใช่งานประจำ จึงจัดให้มี การบ่งชี้อันตรายและการประเมินความเสี่ยงปีละหนึ่งครั้งสำหรับ ทุกกิจกรรม พื้นที่ และการบริการ โดยประเมินความเสี่ยงตาม ความรุนแรงและโอกาสที่อาจเกิดเหตุ และให้ปฏิบัติตามขั้นตอน การวิเคราะห์อันตรายเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน (Job Safety Analysis: JSA) ตามระบบมาตรฐาน ISO 45001:2018

หลังจากตรวจพบความเสี่ยงจะดำเนินการสร้างแผนลดความเสี่ยง และกำหนดมาตรฐานวิธีการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัย (Safety Standard Operation Procedure: SSOP) โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายตลอดห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ ไทยเบฟคาดหวัง ให้คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทุกรายจัดทำแผนบรรเทาผลกระทบ ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อลดความสูญเสียจากการบาดเจ็บและ การเสียชีวิตที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด

ไทยเบฟกำหนดให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานตามมาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001 และพระราชบัญญัติ อาชีวอนามัยและความปลอดภัย พ.ศ. 2554

โครงการ OHS มุ่งหวังที่จะจัดให้มีอาชีวอนามัย ความปลอดภัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมสำหรับพนักงานทุกคนที่ทำงานในสถานประกอบการของไทยเบฟ โดยมีหลักปฏิบัติดังต่อไปนี้
  • การระบุอันตรายและการประเมินความเสี่ยงต้องกำหนดขอบเขต ระบุขั้นตอนการปฏิบัติงาน ระบุผลกระทบที่สำคัญที่อาจส่งผลต่อบุคคล ชุมชน สิ่งแวดล้อม และทรัพย์สิน ตลอดจนกำหนดมาตรการควบคุมที่เหมาะสม และจัดลำดับความสำคัญของ
  • แผนปฏิบัติการเพื่อลดความรุนแรงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
  • แผนการจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤต ไทยเบฟบูรณาการแผนฉุกเฉินและดูแลให้องค์กรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและภาวะวิกฤตได้เป็นอย่างดี ตลอดจนป้องกันและลด ผลกระทบต่อสุขภาพ และความปลอดภัยในการทำงาน
  • การตรวจสอบภายในและภายนอก เพื่อประเมินความสำเร็จ ของการดำเนินงานและความคืบหน้าร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ที่เกี่ยวข้องในการลดความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัยตามที่ระบุเอาไว้
  • การตรวจสอบการบาดเจ็บ การเจ็บป่วย โรคหรือเหตุการณ์ ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน โดยระบุสาเหตุที่แท้จริงเพื่อนำไปสู่ การปรับปรุงมาตรการควบคุมและป้องกันที่มีประสิทธิภาพต่อไป
  • การแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญภายในองค์กรและผู้ฝึกสอนด้าน ความปลอดภัย เพื่อสนับสนุนโครงการการจัดการความเสี่ยง จากภัยพิบัติในชุมชน (CBDRM) ซึ่งทำให้มั่นใจว่ามีการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพแก่พนักงานภายในองค์กร ทุกระดับรวมถึงชุมชนโดยรอบ
  • กำหนดมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างด้วยเกณฑ์อาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อประเมินความสามารถของคู่ค้าในการปฏิบัติตามมาตรฐานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กร

เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานทางกฎหมายและมาตรฐานภายใน ไทยเบฟกำหนดแนวทางการบริหารจัดการ ดังนี้

ด้านความปลอดภัย
ไทยเบฟนำระบบการจัดการความปลอดภัยคุณภาพสูงมาใช้ ขณะนี้โรงงาน 27 แห่งได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 45001 โดยฝ่ายดูแลความปลอดภัยขององค์กรยังคงดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยในโรงงานทุกแห่งทั้งในและต่างประเทศเป็นระยะ

ไทยเบฟจัดตั้งคลินิกความปลอดภัยร่วมกับทีมอาสาสมัครเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยภายในองค์กร มีช่องทางสื่อสาร เกี่ยวกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัยผ่านระบบการร้องเรียนทางเอกสาร โทรศัพท์และอีเมล เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถร้องเรียนได้ทุกช่องทาง นอกจากนี้ยังสร้างช่องทางการสื่อสารบนแอปพลิเคชัน LINE ซึ่งพนักงานสามารถรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างสะดวกรวดเร็ว และสามารถโต้ตอบได้ มีการประเมินประสิทธิภาพของการสื่อสาร โดยให้กลุ่มเป้าหมายของแต่ละกิจกรรม ทำแบบสอบถามเชิงรุกออนไลน์ เพื่อวัดระดับความเข้าใจก่อนและหลังการทำกิจกรรม ซึ่งพนักงานทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี

นอกจากนี้ยังมีการจัดประชุมด้านความปลอดภัยรายเดือน ในแต่ละสถานประกอบการ โดยมีผู้บริหารและพนักงานเข้าร่วมด้วย เพื่อกำหนด กิจกรรมด้านความปลอดภัย รวมถึงการพิจารณาข้อร้องเรียนหรือ ข้อเสนอแนะจากพนักงาน คณะกรรมการประชุมจะอภิปรายและกำหนด มาตรการแก้ไขและติดตามการดำเนินการใด ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้

ไทยเบฟจัดการฝึกอบรมแบบบูรณาการเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรวมไปถึง อบรมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ การฝึกอบรมการทำงานในที่อับอากาศ อบรมทักษะ การขับรถยก แผนฉุกเฉินในการปฏิบัติการทางรังสี การฝึกอบรม ในกรณีของเหลวไวไฟหกหล่น แผนฉุกเฉินเพื่อป้องกันน้ำท่วม แผนการเคลื่อนย้ายฉุกเฉินและจัดเก็บกากอุตสาหกรรม แผนฉุกเฉินในกรณีที่เกิดการระเบิดของหม้อไอน้ำ แผนฉุกเฉินในกรณี ก๊าซคลอรีนรั่วไหล แผนฉุกเฉินในกรณีก๊าซแอมโมเนียรั่วไหล และแผนฉุกเฉินในกรณีน้ำมันรั่วไหล

ไทยเบฟจัดอบรมภาคบังคับ เช่น ความปลอดภัยจากอัคคีภัย และความปลอดภัยทางถนนสำหรับพนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง การบรรยายสรุปด้านความปลอดภัยรายวันทุกเช้าวันทำงานของโรงงาน การฝึกอบรมมาตรฐานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001 และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในทุกหน่วยธุรกิจ
ด้านอาชีวอนามัย
  • ความใส่ใจ
    ไทยเบฟดูแลสุขภาพของพนักงานโดยจัดให้มีบริการทางการแพทย์และพยาบาลในสถานที่ทำงาน เพื่อการรักษาพยาบาลและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ ทีมส่งเสริมความผาสุก ของพนักงานได้ร่วมมือกับคลินิกชื่อดังเพื่อให้บริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้พนักงานสามารถเข้าถึงการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ได้ บริการนี้มี จุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้พนักงานพร้อมทั้ง รับประกันการรักษาและการดูแลคุณภาพสูง พนักงานประจำ ทุกคนได้รับความคุ้มครองจากการประกันชีวิต โดยบริษัทจะจ่าย ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดและค่าชดเชยการบาดเจ็บและทุพพลภาพที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ตามความเหมาะสม
  • การป้องกัน
    ไทยเบฟบังคับใช้มาตรการครอบคลุมครบทุกด้าน เพื่อบรรเทาอันตรายต่อสุขภาพและการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น โดยกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดเรื่องการใช้งานอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) พร้อมคำแนะนำในการทำงานทั่วทั้งโรงงาน นอกจากนี้ยังดำเนินการประเมินสุขภาพก่อนการจ้างงานและ ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อปกป้องสวัสดิภาพของพนักงาน บริษัทระบุความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นใน เชิงรุกด้วยการแสดงสัญญาณเตือนอย่างเด่นชัดในพื้นที่อันตราย
  • การรักษา
    นอกจากการเงินสมทบประกันสังคมตามกฎหมายแล้ว ไทยเบฟยังจัดให้มีความคุ้มครองการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมแก่พนักงาน ซึ่งรวมถึงค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก การประกันอุบัติเหตุ และการประกันการเจ็บป่วยของผู้ป่วยใน
  • ตรวจสุขภาพ
    ไทยเบฟให้บริการตรวจสุขภาพที่มีคุณภาพและ ค่าใช้จ่ายไม่สูงแก่พนักงานทุกคนทั่วประเทศ พนักงานสามารถ เข้าถึงรายงานการตรวจสุขภาพ (สูงสุด 5 ปีย้อนหลัง) ด้วยแอปพลิเคชัน Beverest Life ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
ด้านสภาพแวดล้อมในการทำงาน
สำนักบริหารจัดการทรัพย์สินและการบริการ (ASM) ของไทยเบฟ จัดตั้งทีมวิศวกรรมกลางและโครงการพิเศษขึ้นในปี 2563 เพื่อดำเนินการตรวจสอบระบบอำนวยความสะดวกในสำนักงานอย่างครอบคลุม ทำให้มั่นใจในความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการปฏิบัติตาม ข้อกำหนดของพื้นที่สำนักงานของไทยเบฟ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ถูกสุขลักษณะ มีประสิทธิภาพ และสร้างความสบายใจสำหรับพนักงานทุกคน การตรวจสอบครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ระบบไฟฟ้า ประปา เครื่องปรับอากาศ สุขาภิบาล การป้องกันอัคคีภัย ระบบวิศวกรรมอื่น ๆ รวมถึงภาพลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม และการบริหารจัดการระบบวิศวกรรมอาคาร ทีมงานยังให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรม การจัดการความปลอดภัยและอาชีวอนามัย การจัดการพลังงานและการจัดการขยะ การประสานงานโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที การสนับสนุนบริการสำนักงาน และการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
ด้านการศึกษา
โครงการสนับสนุนความผาสุกของพนักงาน
การทำงานที่บ้าน (Work from Home)
ไทยเบฟเชื่อว่าการทำงานที่บ้านในบางโอกาสจะช่วยให้ทำงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพ สร้างขวัญกำลังใจ ความคล่องตัว และการทำงาน ร่วมกัน การทำงานข้ามสายธุรกิจ เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพนักงาน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย เป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานซึ่งรวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม และการระบาดของโรค ไทยเบฟสนับสนุนการทำงานที่บ้านด้วย การฝึกอบรมพนักงาน จัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็น รวมถึงการปรับโปรแกรมสุขภาพเพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย และการจัดการกับความเครียด นอกจากนี้ ไทยเบฟยังจัดให้เกิด การทำงานที่มีประสิทธิภาพแก่พนักงานซึ่งเป็นบุคคลทุพพลภาพ ที่ไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้อีกด้วย
ตัวเลือกการทำงานไม่เต็มเวลา
ไทยเบฟเสนอทางเลือกในการจ้างงานไม่เต็มเวลา โดยกำหนด ให้พนักงานและหัวหน้างานสามารถกำหนดตารางเวลาและเงื่อนไข ได้ด้วยตนเอง ซึ่งพนักงานทุกคนสามารถขออนุมัติการทำงาน ไม่เต็มเวลาผ่านระบบบริหารเวลาในแอปพลิเคชัน Beverest Life ซึ่งเป็นเรื่องปกติในหมู่พนักงานค้าปลีก เช่น พนักงานที่ QSA (KFC) และร้านอาหารโออิชิ
นโยบายเกี่ยวกับครอบครัว
  • ไทยเบฟให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและครอบครัว โดยตระหนักว่าครอบครัวมีส่วนสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานและขวัญกำลังใจของพนักงาน บริษัทเสนอแนวคิดริเริ่มต่าง ๆ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สนับสนุน ความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัว ได้แก่:
    • จัดให้มีพื้นที่หรือสนามเด็กเล่นในโรงงานสำหรับเด็ก ๆ ที่มากับ ผู้ปกครองหรือรอผู้ปกครองทำงาน
    • มีห้องให้นมบุตรส่วนตัวในสำนักงานและโรงงานผลิตทุกแห่ง
    • ขยายสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการดูแลเด็กให้ครอบคลุม ชั้นเรียนและกิจกรรมสันทนาการในช่วงปิดเทอม
    • จัดงานวันเด็กประจำปีโดยนำเด็ก ๆ และผู้ปกครองมาทำกิจกรรมพิเศษ ทัศนศึกษา และกิจกรรม CSR
  • ไทยเบฟให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียม โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของแต่ละเพศ เห็นได้จากนโยบาย การลาคลอด พนักงานหญิงสามารถลาโดยได้รับค่าจ้างสูงสุดถึง 100 วัน ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยมารดาเพิ่งคลอดอาจขอลาเพิ่มได้อีก 30 วัน หากจำเป็น บริษัทเชื่อว่ามาตรการเหล่านี้เป็นการส่งเสริมค่านิยมด้านครอบครัว ทั้งยังสนับสนุนสุขภาพ และความเป็นอยู่ที่ดีของทั้งแม่และเด็ก
    • พนักงานชายมีสิทธิ์ลาเพื่อทำหน้าที่พ่อโดยได้รับค่าจ้างเป็นเวลาหกวัน นอกเหนือจากที่กฎหมายในประเทศไทยกำหนดไว้
  • ไทยเบฟให้ความสำคัญกับการศึกษาของบุตรพนักงาน มีการมอบทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนทุกระดับการศึกษาจนถึงมหาวิทยาลัย และจัดการบรรยายให้ความรู้เพื่อเพิ่มโอกาส ทางการศึกษา เช่น ให้คำแนะนำเกี่ยวกับระบบการศึกษา TCAS
  • ในปี 2566 ไทยเบฟมอบทุนการศึกษาจำนวน 1,074 ทุน มูลค่า 7.02 ล้านบาท แก่บุตรพนักงาน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินของพนักงาน ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา ไทยเบฟมอบทุน การศึกษารวมทั้งสิ้น 14,880 ทุน มูลค่ารวมกว่า 92.9 ล้านบาท
  • บริษัทช่วยเหลือค่าจัดงานศพแก่พนักงาน ในกรณีสมาชิก ในครอบครัว ได้แก่ บิดามารดาและคู่สมรส ถึงแก่กรรม
การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตรปี 2566 ชาย หญิง
จำนวนพนักงานที่ได้รับสิทธิ์ลา เพื่อเลี้ยงดูบุตร 14,738 9,440
จำนวนพนักงานที่ลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร 190 215
จำนวนพนักงานที่กลับมาทำงาน ในรอบระยะเวลาหลังจากสิ้นสุด การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร 189 208
จำนวนพนักงานที่กลับมาทำงาน หลังเวลาลาหยุดเลี้ยงดูบุตรสิ้นสุดลง และยังคงทำงานต่อไปเป็นเวลา 12 เดือน 173 192
อัตราการกลับเข้าทำงานของพนักงานที่ลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร 99.47% 96.74%
เป้าหมาย
  ผลการดำเนินงาน ปี 2566 เป้าหมาย
อัตราความถี่การ บาดเจ็บจนถึงขั้น หยุดงาน (LTIFR) ของพนักงาน 2.05 บรรลุเป้าหมาย LTIFR ต่ำกว่า 1.0 ภายในปี 2568
การเสียชีวิต ของพนักงาน 0 0
* ไม่รวมการดำเนินงานในเวียดนาม
โครงการสำคัญ
Beverest Life
ตั้งแต่ปี 2563 ไทยเบฟจัดทำแอปพลิเคชัน Beverest Life ซึ่งรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์มือถือทุกรุ่น มีการปรับปรุงข้อมูลข่าวสาร โปรโมชัน ข้อเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัท และสิทธิพิเศษต่าง ๆ ของบริษัทให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นยังรองรับการ แจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เกี่ยวกับข่าวสารและกิจกรรมสำคัญ ในหัวข้อต่าง ๆ เช่น สุขภาพ การเมือง และเหตุฉุกเฉิน

นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น แอปพลิเคชัน Beverest Life ยังรองรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรบุคคลดังต่อไปนี้:
  • ค่ารักษาพยาบาล:
    พนักงานสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาล ผ่านระบบออนไลน์และรับเงินภายในหนึ่งวัน
  • E-Pay Slip และ 50BIS:
    พนักงานสามารถดูสลิปเงินเดือน และสามารถดาวน์โหลดเอกสาร 50 ทวิ เพื่อใช้ในการยื่นภาษี ผ่านระบบออนไลน์
  • หนังสือรับรองการทำงาน:
    พนักงานสามารถขอหนังสือรับรอง การทำงาน/หนังสือรับรองเงินเดือนเพื่อใช้ยื่นวีซ่าหรือขอสินเชื่อจากธนาคาร
  • การเรียนรู้:
    หลักสูตรออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม รวมถึง PDPA, หลักจรรยาบรรณ, การต่อต้านการเลือกปฏิบัติ และความปลอดภัยทางไซเบอร์ พนักงานสามารถเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ซ้ำได้ผ่านระบบออนไลน์
  • ตำแหน่งงานภายใน:
    สามารถค้นหาและสมัครงานที่เปิดรับภายในผ่านแอปพลิเคชัน ด้วยฟังก์ชันคัดกรองงานตามธุรกิจ ลักษณะงาน ระดับงาน สถานที่ และคำสำคัญ
  • การตรวจสุขภาพ:
    บุคคลทั่วไปสามารถดูและดาวน์โหลดรายงานการตรวจสุขภาพโดยละเอียดทางออนไลน์
  • ระบบการบริหารเวลา (TMS):
    การยื่นใบลาทุกประเภท ติดตามการเข้างาน และการขอทำงานล่วงเวลา สามารถทำได้ผ่านระบบออนไลน
  • แบบสำรวจความผูกพันองค์กร:
    พนักงานทุกคนสามารถทำแบบสำรวจออนไลน์ เพื่อปรับปรุงอัตราการมีส่วนร่วมและความสะดวกในการใช้งาน
  • เช็กอินออนไลน์:
    บันทึกการเข้างานและออกงานแบบไร้การสัมผัสทุกวันได้ทางออนไลน์ พร้อมการตรวจจับตำแหน่งอัตโนมัติ
โครงการเตรียมความพร้อมพนักงานเพื่อชีวิตหลังเกษียณ ประจำปี 2566
ไทยเบฟจัดโครงการฝึกอบรมประจำปีและพิธีเกษียณอายุเพื่อแสดงความขอบคุณต่อพนักงานเกษียณอายุที่ทำงานมายาวนาน รวมทั้งแสดงถึงการยอมรับ ความยินดี และการยกย่องอย่างเป็นทางการสำหรับการทำงานและความสำเร็จในบริษัท ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ ไทยเบฟ โดยเฉพาะกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารระดับสูง ต่างรู้สึกซาบซึ้งในการมีส่วนช่วยของพวกเขา ในปี 2566 โปรแกรมนี้ครอบคลุมเนื้อหาดังต่อไปนี้:
  • สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบริษัท
  • สิทธิประโยชน์จากหน่วยงานภาครัฐ เช่น ประกันสังคม
  • การบริหารจัดการการออมเพื่อการเกษียณอายุ
  • โอกาสในการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านกลุ่มไลน์กับ
  • เพื่อนร่วมงานที่เกษียณก่อนหน้านี้ เพื่อเสริมสร้างความเป็นชุมชน หนึ่งเดียวกัน และการสนับสนุนซึ่งกันและกันในช่วงอายุสำคัญ ของชีวิต
  • การแบ่งปันความรู้แก่พนักงานเรื่องการดูแลสุขภาพกาย และสุขภาพจิตใจ รวมถึงการออกกำลังกาย โภชนาการ และการจัดการความเครียด
โดยมีพนักงานอาวุโสจำนวน 419 คน จากบริษัทไทยเบฟและบริษัท ในเครือทั่วประเทศ 67 แห่งเข้าร่วมโครงการนี้ แม้ว่าโครงการนี้จะมุ่งเป้าไปที่พนักงานใกล้เกษียณอายุ แต่เรายินดีต้อนรับพนักงานทุกวัย เพราะเราเห็นถึงความสำคัญของการวางแผนเกษียณอายุล่วงหน้า

ปิดท้ายด้วยพิธีอำลาพนักงานเกษียณอายุ พร้อมมอบประกาศนียบัตร และเข็มกลัดทองคำเป็นที่ระลึกจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
ชมรมพนักงานไทยเบฟ
ไทยเบฟส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานโดยให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจของพนักงาน ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการบูรณาการชีวิตและการทำงาน อย่างกลมกลืนมาโดยตลอด กว่าทศวรรษที่ไทยเบฟสนับสนุนโครงการ “ชมรมพนักงานไทยเบฟ” อย่างจริงจัง โดยจัดสรร

งบประมาณปีละ 300,000 บาท ให้แต่ละชมรมเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ปัจจุบันไทยเบฟมี 12 ชมรมที่ตอบสนองความสนใจที่หลากหลายของพนักงาน เช่น ฟุตบอล แบดมินตัน วิ่ง จักรยาน เทนนิส กอล์ฟ โบว์ลิ่ง ออฟโรด รักษ์สุขภาพ ถ่ายภาพ ดนตรี และอาเซียน
โครงการเด่น
โครงการออนไลน์อบรมด้านสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน
ไทยเบฟจัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพออนไลน์ตลอดทั้งปี เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและองค์กร รวมถึงส่งเสริมสุขภาพของพนักงาน โครงการนี้ครอบคลุมสุขภาพกายและสุขภาพจิต โภชนาการ และการจัดการทางการเงิน รวมถึงจัดการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาล นักโภชนาการ และสถาบันการเงิน เก้าครั้ง และจัดกิจกรรมการออกกำลังกายประจำอย่างน้อยปีละสองครั้ง (การเดิน วิ่ง และการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ) ตัวอย่างบางส่วนของกิจกรรม ได้แก่
  • การให้ความรู้ด้านสุขภาพออนไลน์
    หัวข้อการให้ความรู้ ด้านสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญสำหรับพนักงาน อ้างอิงจากสถิติจากผลการตรวจสุขภาพพนักงาน ปี 2565
  • กิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกาย
    เลือกประเภทของกิจกรรมออกกำลังกายตามความสนใจ โดยอ้างอิงสถิติจำนวนผู้เข้าร่วมในแต่ละกิจกรรมในปี 2565
  • การให้ความรู้ด้านโภชนาการ
    ผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้ ด้านโภชนาการที่ถูกต้องตามหลักการด้านสุขอนามัย และสุขภาพ เช่น การเลือกอาหารตามอัตราส่วน 2:1:1 ตามคำแนะนำของสำนักโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
  • ออฟฟิศซินโดรม
    ให้ความรู้แก่พนักงาน เพราะพบว่าพนักงานมักนั่งทำงานในอิริยาบถที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เจ็บป่วยด้วยโรคนี้
  • วันศุกร์ไลฟ์สด
    จัดทุกวันศุกร์ เป็นกิจกรรมที่สร้าง ความสัมพันธ์กับพนักงานด้วยการนำเสนอข้อมูล ด้านสุขภาพ พร้อมกิจกรรมสนุก ๆ เช่น ตอบคำถามสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ของบริษัท และกิจกรรมองค์กร
  • ตลาดนัดปันสุข
    เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้พนักงาน พนักงานเกษียณอายุ และบริษัทในเครือนำสินค้ามาขาย ในราคาถูก นอกจากช่วยเพิ่มรายได้ให้พนักงานแล้ว ยังเป็นสถานที่พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น และเสริมสร้างความสัมพันธ์ของพนักงาน
ความมุ่งมั่นและความสำเร็จ
กลุ่มธุรกิจสุรา
  • รางวัลเกียรติยศสูงสุด - สถานประกอบกิจการดีเด่น ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ระดับประเทศ ประจำปี 2566 จำนวน 4 โรงงาน
  • รางวัลเกียรติยศ - สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2566 จำนวน 5 โรงงาน
  • สถานประกอบการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ระดับประเทศ ปี 2566 จำนวน 3 โรงงาน
  • รางวัลสถานประกอบการดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปี 2566 ได้แก่ รางวัลแพลทินัม 1 โรงงาน และรางวัลเหรียญทอง 3 โรงงาน
  • รางวัลสถานประกอบธุรกิจต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประจำปี 2566 ระดับจังหวัด จำนวน 1 โรงงาน
  • รางวัลรณรงค์อุบัติเหตุเป็นศูนย์ ปี 2566 (ระดับทองแดง) จำนวน 2 โรงงาน
กลุ่มธุรกิจเบียร์
  • รางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6
  • รางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์ และสวัสดิการแรงงาน ระดับประเทศ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
  • รางวัลสถานประกอบการปลอดโรคปลอดภัยกายใจเป็นสุข ระดับประเทศ ประเภทโล่ทอง เป็นปีที่ 1
  • รางวัลสถานประกอบกิจการ ที่นำแนวทางปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practice: GLP)
  • รางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยดีเด่น ระดับประเทศ
กลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ และกลุ่มธุรกิจอาหาร
  • เสริมสุข: ISO 45001:2018 และรางวัลรณรงค์อุบัติเหตุเป็นศูนย์ 3 สาขา
  • โออิชิ:
    • โรงงานได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 45001 จำนวน 3 แห่ง
    • โรงงานได้รับรางวัลอุบัติเหตุเป็นศูนย์
    • (Zero Accident Awards) 2 แห่ง
    • โรงงานได้รับรางวัลสถานประกอบการดีเด่นด้านความปลอดภัยระดับประเทศ ต่อเนื่องเป็นปีที่หก 1 แห่ง
ไทยเบฟเวอเรจ โลจิสติก
  • ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างวิทยากรภายนอกด้านความปลอดภัย
  • ในการทำงานกับสารเคมีอันตรายและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินด้านสารเคมีรั่วไหล 4 พื้นที่ และการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ และการอพยพ 41 พื้นที่
  • รางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับประเทศ จำนวน 4 พื้นที่
  • รางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับจังหวัด จำนวน 3 พื้นที่
  • รางวัลขับเคลื่อนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในงานที่มีการประสบอันตรายสูง (งานขนส่ง) จำนวน 5 พื้นที่
  • รางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยดีเด่น ระดับประเทศ