ไทยเบฟให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรบุคคลและการ
เสริมสร้างศักยภาพองค์กร จึงได้จัดตั้ง กลุ่มงานทรัพยากรบุคคล
และสมรรถนะองค์กร หรือ HC&OC (Human Capital and
Organization Capabilities) เพื่อสนับสนุนให้องค์กรบรรลุเป้าหมายในการเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มและอาหารที่มั่นคงและยั่งยืนของอาเซียน
HC&OC ทำงานร่วมกับทรัพยากรบุคคลตามสายธุรกิจ หรือ Human Capital Business Partner (HCBP) เพื่อกำหนดกลยุทธ์ นโยบาย และแนวทางบริหารจัดการตามกระบวนการบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลโดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสนับสนุนกลยุทธ์และวัตถุประสงค์
ทางธุรกิจ
นอกจากนี้ HC&OC ส่วนกลางยังทำงานร่วมกับทีมสนับสนุนและ
ทีมปฏิบัติงานในประเทศต่าง ๆ เพื่อสร้างความมั่นใจในการบริหารงานและกลยุทธ์ของ HC&OC รวมถึงความเป็นเลิศในการให้บริการ
ของ HC เพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับพนักงานในทุกช่องทาง
แนวทางการจัดการนี้ช่วยให้ไทยเบฟสามารถพัฒนาและเตรียมพร้อมศักยภาพให้กับพนักงานทั่วประเทศในทุกกลุ่มธุรกิจ และยังช่วย
ส่งเสริมความร่วมมือและเชื่อมโยงแนวทางปฏิบัติที่ดีภายในองค์กร เพื่อให้สอดคล้องกับเป้าหมายในการสร้าง “โอกาสไร้ขีดจำกัด”
ของไทยเบฟ

ไทยเบฟให้ความสำคัญกับการมอบโอกาสไร้ขีดจำกัดให้พนักงาน
และมุ่งมั่นในการนำความหลากหลาย ความเสมอภาคและการ
มีส่วนร่วมมาใช้ในการดำเนินธุรกิจ โดยมีเป้าหมายเพื่อให้พนักงาน
มีโอกาสเท่าเทียมในการเติบโตตามสายอาชีพได้ นอกจากนี้เพื่่อสร้างความแข็งแกร่งของบุคลากรควบคู่ไปกับการสร้างความเป็นหนึ่งเดียวภายในองค์กร รวมถึงเตรียมความพร้อมให้พนักงานเพื่อรับมือ
กับการเปลี่ยนแปลงของสภาพแวดล้อมในการทำงาน ไทยเบฟ
ได้กำหนด 7 ยุทธศาสตร์ในการบริหารจัดการบุคลากร ดังนี้
โครงสร้างและบทบาทที่ชัดเจน |
- ปรับโครงสร้างองค์กรให้สอดคล้องกับบทบาทหน้าที่ของงาน
แต่ละตำแหน่ง เพื่อสนับสนุนกลยุทธ์ทางธุรกิจและ PASSION 2025
- ขยายและพัฒนาสมรรถนะและเส้นทางอาชีพในกลุ่มงาน
ให้สอดคล้องกับการออกแบบโครงสร้างและบทบาท
การบริหารของไทยเบฟ
|
ค่าตอบแทนและสวัสดิการ
ที่แข่งขันได้กับตลาด |
บริหารและวิเคราะห์ค่าจ้าง ค่าตอบแทน และสวัสดิการ เพื่อสร้างเป็น มาตรฐานที่เหมาะสมในทุกบริษัทของกลุ่มไทยเบฟ โดยให้สอดคล้อง กับความเปลี่ยนแปลงของตลาดแรงงานและความต้องการ
ของบุคลากร |
การบริหารผลการดำเนินงาน
ที่โดดเด่น |
- พัฒนาระบบบริหารผลการปฏิบัติงานของบุคลากรอย่างครอบคลุม ขยายช่องทางการเข้าใช้งานเพื่อตอบโจทย์บุคลากรในทุกช่วงอายุ
- การประเมินผลอย่างเป็นธรรม รวมถึงการวางแผนพัฒนาทักษะเพื่อ
พัฒนาศักยภาพของพนักงาน ทำให้ได้ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้
และมุ่งมั่นสู่ความเป็นเลิศ
|
การพัฒนาบุคลากร
แบบองค์รวม |
ส่งเสริมวัฒนธรรมการเรียนรู้ให้บุคลากรพัฒนาตนเอง ผ่านการ
เรียนรู้ในรูปแบบ 70:20:10* รวมทั้งส่งเสริมการพัฒนาทักษะให้แก่
บุคลากรด้านเทคโนโลยีดิจิทัล และการใช้แผนพัฒนารายบุคคล (IDP) ตลอดจนการติดตามความก้าวหน้าทางอาชีพของบุคลากร |
การบริหารผู้สืบทอดตำแหน่งและบุคลากรเชิงรุก |
ยกระดับการเตรียมพร้อมของบุคลากรและผู้บริหารในการสืบทอด
ตำแหน่งให้มีความพร้อมและความสามารถ เพื่อให้มั่นใจว่าจะเกิดการ
เปลี่ยนถ่ายอย่างราบรื่นและมีความต่อเนื่องทางธุรกิจ เสริมสร้าง
ความยั่งยืนขององค์กร |
การสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพ และการดูแลบุคลากรใหม่ |
สรรหาและคัดเลือกบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และทักษะ
ที่เหมาะสมในการทำงานในตำแหน่งตามที่องค์กรต้องการ รวมถึง
ดึงดูดบุคลากรรุ่นใหม่ ที่มีความคล่องตัวและมีความสามารถในการ
ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี |
การส่งเสริมวัฒนธรรม
ที่สร้างความผูกพันต่อองค์กร |
สร้างความรู้ ความเข้าใจ และความรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งขององค์กร
เสริมสร้างความเป็นหนึ่งเดียวผ่านค่านิยมของกลุ่มไทยเบฟ
รวมถึงส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพนักงานอย่างต่อเนื่องให้เกิด
พฤติกรรมที่เหมาะสมตามค่านิยมองค์กร |
*70% เรียนรู้จากการลงมือปฏิบัติ; 20% เรียนรู้จากบุคคลอื่น; 10% เรียนรู้จากการเข้าอบรม
องค์กรที่ให้ความสำคัญกับการรักษาพนักงานที่มีศักยภาพไว้ย่อมสามารถคาดหวังที่จะได้ผลประโยชน์ทางการเงินในระยะยาว ศักยภาพและผลงานของพนักงานที่เพิ่มขึ้นสามารถหักล้างกับค่าใช้จ่ายในการฝึกอบรมได้ และอัตราการลาออกที่ลดลงจะช่วยเพิ่มมูลค่าทางการเงิน กลยุทธ์การรักษาพนักงานที่มีศักยภาพจะส่งผลให้อัตราการลาออกลดลง และการให้ผลตอบแทนที่จูงใจจะช่วยเพิ่มขวัญกำลังใจและประสิทธิภาพในการทำงานได้
ในระยะยาวพนักงานที่มีทักษะจะเป็นกลไกขับเคลื่อนการเติบโตและ
การพัฒนานวัตกรรมใหม่ให้กับองค์กร ซึ่งทำให้เกิดการเพิ่มความสามารถในการแข่งขัน ทั้งนี้ ภาพพจน์และชื่อเสียงที่ดีสามารถจูงใจพนักงานที่มีศักยภาพเไว้ได้ และการสืบทอดตำแหน่งให้คนที่มี
ความสามารถจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะการขาดผู้นำองค์กร
การสร้างแรงจูงใจและรักษาบุคลากรที่มีศักยภาพเกี่ยวข้องกับ
3 ยุทธศาสตร์ ได้แก่ การสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพและการดูแลบุคลากรใหม่ ค่าตอบแทนและสวัสดิการที่แข่งขันได้กับตลาด
และการบริหารผลการดำเนินงานที่โดดเด่น
ขอบเขตการทำงานของทีมสรรหาบุคลากรที่มีศักยภาพและการดูแลบุคลากรใหม่มีดังนี้:
- การคัดเลือกบุคลากรที่มีศักยภาพ:
พัฒนากลยุทธ์ที่สามารถดึงดูดบุคลากรรุ่นใหม่ที่มีความคล่องตัวและมีความสามารถในการปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลได้เป็นอย่างดี
- การคัดเลือกผู้สมัคร:
ดำเนินการคัดกรองและสัมภาษณ์อย่างมี
รูปแบบ เพื่อประเมินผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมในการทำงาน
ในตำแหน่งตามที่องค์กรต้องการ
- ประสบการณ์ของผู้สมัคร:
ในการสรรหาและการคัดเลือกค้นหาบุคลากรที่มีประสบการณ์บวกและเป็นมืออาชีพ
- การดูแลบุคลากรใหม่:
ทำงานร่วมกับแผนกอื่น ๆ เพื่ออำนวย
ความสะดวกในกระบวนการฝึกบุคลากรใหม่ให้ผ่านไปด้วยดี
- การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง:
ทบทวนและปรับปรุงกระบวนการสรรหาและคัดเลือกอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้สอดคล้องกับแนวทางปฏิบัติ
ที่ดีและเป้าหมายขององค์กร
ในส่วนของการบริหารค่าจ้าง ค่าตอบแทน และสวัสดิการ ไทยเบฟ
มุ่งมั่นที่จะให้ค่าตอบแทนที่เป็นธรรมแก่พนักงานทุกคนในทุกประเทศ บริษัทปฏิบัติตามข้อกำหนดทางกฎหมายในการจัดให้มีสวัสดิการ
แก่พนักงาน รวมถึงรักษามาตรฐานที่กำหนดไว้สำหรับการบริหาร
ค่าตอบแทน การบริหารผลการดำเนินงานและการเลื่อนตำแหน่งภายในองค์กร
ไทยเบฟมุ่งมั่นในการประเมินค่าตอบแทนที่ยุติธรรมสำหรับพนักงาน โดยเทียบเคียงกับตลาดแรงงานอย่างเหมาะสมเป็นประจำเพื่อให้คุณค่าของงานและระดับการจัดเกรดมีความสอดคล้องกัน
ทั่วทั้งกลุ่มบริษัท
นอกจากนี้ ไทยเบฟยังใช้กลยุทธ์ระบบค่าตอบแทนรวม หรือ
Total Rewards Strategy ซึ่งประกอบด้วยการจ่ายผลตอบแทน
และสวัสดิการแบบองค์รวม เพื่อแสดงความชื่นชมพนักงานที่มี
ความสามารถและส่งเสริมการทำงานร่วมกัน และเสริมสร้างพฤติกรรมเชิงบวก
ในด้านการบริหารผลการดำเนินงานไทยเบฟใช้แนวทางปฏิบัติในการประเมินผลการปฏิบัติงานหลายรูปแบบ ได้แก่
- การบริหารจัดการตามวัตถุประสงค์: พนักงานทุกคนมีหน้าที่
รับผิดชอบในการทำงานเพื่อให้บรรลุตามเป้าหมายและผลลัพธ์
ทางธุรกิจของไทยเบฟโดยขึ้นอยู่กับหน่วยงานธุรกิจและลักษณะงานของแต่ละบุคคล ทั้งนี้ ไทยเบฟได้นำดัชนีชี้วัดความสำเร็จ
ของงาน (KPI) มาใช้ร่วมกับการตั้งเป้าหมายและการกำหนดตัววัดผล (OKR) ให้สอดคล้องกับหลักการ SMART เพื่อกำหนด
เป้าหมายทางธุรกิจที่ Specific (เฉพาะเจาะจง), Measurable (วัดผลได้), Achievable (บรรลุผลได้จริง), Relevant (มีความเกี่ยวข้อง) และ Time-bound (มีกรอบเวลาชัดเจน)
- การประเมินผลการปฏิบัติงานหลายมิติ: ไทยเบฟใช้การประเมิน
ผลการปฏิบัติงานหลายมิติเพื่อระบุ “ค่าการมีส่วนร่วม”
ของพนักงาน ซึ่งหมายถึงค่าตอบแทนจูงใจระยะสั้นหรือที่เรียกว่า “เงินโบนัส” แนวทางนี้ตั้งอยู่บนพื้นฐานของค่านิยมกลุ่มไทยเบฟ
ที่ยึดถือร่วมกันประกอบด้วยหลักสำคัญ 3 ประการ (“3C”) คือ
ร่วมกันผสานพลัง (Collaboration) สร้างสรรค์คุณค่า
(Creating Values) และเอาใจใส่ต่อผู้เกี่ยวข้อง (Caring for Stakeholders) โดยพนักงานได้รับการประเมินตามตัวแปรต่อไปนี้:
- ระดับการปฏิบัติงาน: พนักงานต้องปฏิบัติตามหน้าที่และ
ความรับผิดชอบขั้นพื้นฐานเป็นอันดับแรก
- บุคลิกลักษณะ:
ไทยเบฟประเมินพนักงานตามคุณลักษณะ
ต่าง ๆ เช่น ความเป็นผู้นำและการแสดงให้เห็นถึงคุณค่า
- การมีส่วนร่วม:
ใช้ “ระบบขอบคุณ” โดยพนักงานจะได้รับ “คะแนนขอบคุณ” จากเพื่อนร่วมงาน หัวหน้างาน และ
ผู้ใต้บังคับบัญชา เพื่อเป็นสัญลักษณ์แสดงการรับรู้ถึง
การมีส่วนร่วมของเขา
- การจัดอันดับเปรียบเทียบแบบเป็นทางการ:
พนักงานทุกคน
ได้รับการประเมินผลการปฏิบัติงานทุกปีพร้อมตัวชี้วัดการประเมินผลการปฏิบัติงานที่เหมาะสมกับระดับการปฏิบัติงาน คะแนน
การประเมินของแต่ละคนจะผ่านการตรวจสอบเปรียบเทียบ
และการแจกแจงความถี่ของคะแนนเพื่อให้มั่นใจว่ามีการปฏิบัติต่อพนักงานอย่างเป็นธรรม โดยให้สอดคล้องกับความเข้าใจและ
ความคาดหวังของหัวหน้างานทุกคน การแจกแจงความถี่ของคะแนนยังเป็นเครื่องมือในการระบุคนที่มีความสามารถโดยการเปรียบเทียบและจัดอันดับบุคคลที่มีหน้าที่/ข้อกำหนดของงานเหมือนหรือคล้ายคลึงกัน
- การสนทนาอย่างต่อเนื่อง:
เป็นกลไกการให้ฟีดแบ็กประจำวันหรือการพูดคุยแบบคล่องตัว ซึ่งส่งเสริมการทำงานร่วมกัน การทำงานเป็นทีม การวางเป้าหมายร่วมกัน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระหว่างทีมขายและฝ่ายปฏิบัติการอย่างยั่งยืน การสนทนาต่อเนื่องเริ่มใช้มาตั้งแต่ปี 2565 โดยบริษัทจัดให้มีการพูดคุยเป็นประจำ ครอบคลุมประเด็นต่าง ๆ ดังนี้:
- ติดตามผลการปฏิบัติงานประจำวัน
- การจัดการเป้าหมายการขาย
- การวางแผนและการดำเนินการส่งเสริมการขายและการตลาด
- การจัดตารางเยี่ยมลูกค้า
- การจัดการกับข้อกังวลด้านอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
- ปัญหาและแนวทางแก้ไขที่เกี่ยวข้องกับงาน
- ติดตามข่าวสารและกิจกรรมสำคัญจากสำนักงานใหญ่
ไทยเบฟยังสนับสนุนให้ใช้การพูดคุยแบบตัวต่อตัว เพื่อส่งเสริม
ให้เกิดการสื่อสารสองทางสำหรับแบ่งปันข้อมูลและแลกเปลี่ยน
ความคิดเห็น ข้อเสนอแนะจะช่วยให้หัวหน้างานและลูกน้องในทีมสามารถระบุและแก้ไขปัญหาเพื่อการพัฒนาอย่างสร้างสรรค์
ไทยเบฟให้ความสำคัญกับการสื่อสารและการโค้ชแบบตัวต่อตัว
โดยเปิดโอกาสให้พนักงานได้แบ่งปันความคิด ประสบการณ์
และความรู้ ซึ่งจะช่วยให้พนักงานเอาชนะความท้าทาย บรรลุเป้าหมาย และแสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าที่วัดผลได้ ซึ่งท้ายที่สุดแล้วมีส่วนช่วยในการพัฒนาอาชีพและการทำงานโดยรวมให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ThaiBev focuses on understanding and predicting
ไทยเบฟมุ่งเน้นในการทำความเข้าใจและคาดการณ์สถานการณ์
ของพนักงานและบริบทในการทำงานโดยทำการปรับข้อมูลพนักงาน
ที่ซึ่งเก็บรวบรวมจากระบบต่าง ๆ ของกลุ่มบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ ซึ่งรวมถึง EC (ข้อมูลศูนย์พนักงาน), TMS (ระบบการบริหารเวลา), Beverest–PMS (ระบบประเมินผลการปฏิบัติงาน),
My Career (โอกาสสายอาชีพ), My IDP (โปรแกรมการพัฒนา
รายบุคคล) และ My Career Learning (ระบบการจัดการการเรียนรู้)
ในช่วงปีงบประมาณ 2565-2566 ไทยเบฟได้ริเริ่มโครงการสำคัญ
2 โครงการ ได้แก่
- แดชบอร์ดการพัฒนาอาชีพ: ได้ริเริ่มร่วมพัฒนาโซลูชันวิเคราะห์ข้อมูลภายในองค์กร เริ่มต้นด้วยแดชบอร์ดเส้นทางอาชีพ ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ช่วยสนับสนุนให้ผู้จัดการกลุ่มงานและกลุ่มบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับอาชีพของพนักงานได้แบบเรียลไทม์ โปรแกรมนี้ช่วยให้สามารถติดตามและตรวจสอบการวางแผนและการพัฒนารายบุคคลของพนักงาน โดยนำเสนอข้อมูลในรูปแบบแดชบอร์ดที่ใช้งานง่าย
- แล็บวิเคราะห์ข้อมูลบุคคล: ไทยเบฟเปิดตัวโปรแกรมเพื่อการพัฒนาที่มุ่งยกระดับการวิเคราะห์ข้อมูลภายในทีมบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ โปรแกรมนี้รวมเอาข้อมูลการเรียนรู้จากการปฏิบัติโครงการที่ได้รับมอบหมายเพื่อนำไปสร้างแดชบอร์ด
ที่นำเสนอข้อมูลเชิงลึกในการบริหารจัดการทรัพยากรมนุษย์ตัวอย่างเช่น แดชบอร์ดแสดงค่าตอบแทนจูงใจจากการขาย
เพื่อเพิ่มความเป็นธรรมและประสิทธิผลของโครงการค่าตอบแทนจูงใจ และแดชบอร์ดอุบัติเหตุของผู้ขับขี่เพื่อคาดการณ์ปัจจัย
ที่นำไปสู่อุบัติเหตุ และการออกแบบโซลูชันเพื่อลดความเสี่ยง
พนักงานที่มีความผูกพันและประสบการณ์เชิงบวก |
83% |
90% |
จากการจัดทำโครงการต่าง ๆ เหล่านี้ เราได้วางแผนที่จะขยายการใช้ประโยชน์จากข้อมูลไปยังสายงานอื่น ๆ เพื่อเพิ่มศักยภาพให้กับพนักงานด้วยทักษะการวิเคราะห์ข้อมูล วิธีนี้จะช่วยให้พนักงานสร้างข้อมูลเชิงลึกสำหรับการตัดสินใจขณะที่เราก้าวเดินสู่การเป็นองค์กร
ที่ขับเคลื่อนด้วยข้อมูล
โปรแกรมนักศึกษาฝึกงานอาเซียน เป็นโครงการที่ช่วยดึงดูดพนักงานที่มีศักยภาพซึ่งในปี 2566 ยังคงสร้างผู้สมัคร
ที่มีความแข็งแกร่งให้กับบริษัท โปรแกรมนี้เสริมสร้างความแข็งแกร่งในระดับภูมิภาค ซึ่งมอบโอกาสและประสบการณ์ที่ดี
ในการเรียนรู้ให้กับเยาวชนทั่วทั้งภูมิภาค
ในปีนี้มีนักศึกษาฝึกงานจากต่างประเทศและในประเทศจาก
6 ประเทศอาเซียนเข้าร่วมในโครงการระยะเวลา 2 เดือน
หัวใจสำคัญของโครงการคือการฝึกอบรมผ่านการเรียนรู้
ในงานจริงในหน่วยธุรกิจและกลุ่มสายงานต่าง ๆ เช่น การตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศ งานการพัฒนาธุรกิจ
งานทรัพยากรมนุุษย์ งานการเงิน และงานการจัดการห่วงโซ่
อุปทาน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมสร้างเครือข่ายเพื่อนอาเซียน รวมถึงโปรแกรมสร้างความเป็นผู้นำ กิจกรรมเพื่อสังคม (CSR) และโครงการศิลปะและวัฒนธรรมอาเซียน รวมถึงโอกาสในการสร้างเครือข่ายกับผู้บริหารระดับสูงของไทยเบฟและกลุ่มคน
รุ่นใหม่มืออาชีพจากอาเซียน นอกจากนี้ยังมีการจัดเสวนา
ให้คำแนะนำด้านอาชีพอีกด้วย
โครงการได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้เข้าร่วมโดยได้คะแนน
ความพึงพอใจร้อยละ 95 จากการสำรวจ และนอกจากนี้
นักศึกษาฝึกงานทุกคน ยังแสดงความสนใจที่จะเข้าร่วมทำงานกับไทยเบฟหลังจากสำเร็จการศึกษา

ในปี 2566 ไทยเบฟได้พัฒนาโครงการพัฒนาคนรุ่นใหม่สายการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (SCM) เพื่อพัฒนาพนักงานระดับปฏิบัติการ
ที่มีศักยภาพสูงและส่งเสริมการเติบโตทางอาชีพในระยะยาวภายในบริษัท เพื่อให้สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ PASSION 2025 และเป้าหมายทางธุรกิจ โครงการนี้ไม่เพียงแต่ตอบสนองความต้องการขององค์กรในความต้องการมีพนักงานที่มีทักษะและพร้อมสำหรับอนาคตเท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นโครงการที่ทรงพลังในการรักษาผู้มีความสามารถรุ่นใหม่เอาไว้อีกด้วย
โครงการนี้ช่วยปลูกฝังทักษะความเป็นผู้นำ ความเป็นมืออาชีพ
และการจัดการผ่านวิธีการเรียนรู้ที่หลากหลายซึ่งรวมถึงการเรียน
ในห้องเรียน การแบ่งปันความรู้ที่นำโดยผู้บริหารที่มีประสบการณ์
และการฝึกอบรมภาคปฏิบัติ นอกจากนี้ยังได้เรียนรู้จากการลงมือทำ พนักงานจึงได้ใช้ทักษะที่ได้เรียนรู้ใหม่เพื่อรับมือกับความท้าทาย
ทางธุรกิจในโลกแห่งความเป็นจริงภายใต้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญของผู้สนับสนุนโครงการและผู้ฝึกสอน
ผู้ร่วมโครงการรุ่นแรกแสดงความสามารถที่โดดเด่นในการแก้ปัญหาโดยการพัฒนาแผนธุรกิจที่ครอบคลุมทั้ง 6 แผนซึ่งสอดคล้องกับกลยุทธ์ความยั่งยืนของไทยเบฟ แผนนวัตกรรมนี้สร้างรายได้ประมาณ 140 ล้านบาท และช่วยประหยัดต้นทุนได้ประมาณ
30 ล้านบาทโดยการนำกระบวนการทำงานเพิ่มประสิทธิภาพมาใช้
ทั้งนี้ โครงการยังแสดงให้เห็นถึงแนวทางของไทยเบฟในการพัฒนาและรักษาบุคคลากรที่มีความสามารถ ไทยเบฟส่งเสริมพนักงาน
รุ่นใหม่ให้เป็นผู้นำในอนาคตและขับเคลื่อนการเติบโตที่ยั่งยืน
ผ่านโอกาสการเรียนรู้และการพัฒนาที่ครอบคลุม การลงทุนครั้งนี้ทำให้มั่นใจว่าจะมีผู้นำที่มีความสามารถเข้ามาในองค์กรอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้ไทยเบฟเป็นองค์กรที่น่าดึงดูดสำหรับคนรุ่นใหม่