หน้าแรก / การพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยเบฟ
การบริหารจัดการของเสีย
การกำจัดของเสียที่ไม่ถูกวิธีเป็นหนึ่งในสาเหตุหลักของปัญหา สิ่งแวดล้อมระดับโลก โดยเฉพาะการฝังกลบซึ่งสร้างผลกระทบต่อ สิ่งแวดล้อมเป็นวงกว้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหาด้านระบบนิเวศ ความหลากหลายทางชีวภาพ รวมถึงมลพิษทางอากาศและน้ำ เช่น น้ำชะล้างของเสียอาจไหลปนเปื้อนลงไปสู่แหล่งน้ำใต้ดินและก่อให้เกิดก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจกที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนกว่าคาร์บอนไดออกไซด์หลายเท่าตัว นอกจากนั้น การจัดการของเสีย ที่ไม่ถูกวิธียังส่งผลเสียต่อสภาพความเป็นอยู่ของผู้คน และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชนอีกด้วย


จากการสำรวจ ในปี 2565 พบว่าประมาณร้อยละ 28 ของของเสีย ในประเทศไทยถูกนำไปฝังกลบ ไทยเบฟจึงมุ่งมั่นที่จะลดการฝังกลบ ของเสียจากกระบวนการผลิตให้เหลือน้อยที่สุดหรือเป็นศูนย์ โดยมุ่งลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสภาพความเป็นอยู่ของชุมชนใกล้เคียง พร้อมทั้งคำนึงถึงสิทธิขั้นพื้นฐานในการเข้าถึงทรัพยากร เช่น อากาศ และน้ำที่สะอาด ไทยเบฟตระหนักถึงความรับผิดชอบในการจัดการ ของเสียที่เกิดจากโรงงานผลิตเพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล (ESG) และใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ตลอดห่วงโซ่คุณค่าโดยร่วมมือกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในการนำระบบ การจัดลำดับของเสีย (Waste Hierarchy) มาใช้ร่วมกับหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน

แนวทางการบริหารจัดการ
ด้วยความรับผิดชอบต่อชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อม ไทยเบฟได้นำระบบการจัดลำดับของเสีย (Waste Hierarchy) มาใช้ และยึดมั่น ในหลักเศรษฐกิจหมุนเวียน โดยเน้นการนำกลับมาใช้ซ้ำ การนำกลับเข้าสู่กระบวนการผลิตและการรีไซเคิล เพื่อป้องกันและบรรเทา ผลกระทบจากของเสีย

ไทยเบฟเพิ่มมูลค่าของเสียและผลพลอยได้จากกระบวนการผลิต โดยการนำกลับมาใช้เป็นวัตถุดิบในภาคเกษตรและอุตสาหกรรม เพื่อลดการใช้สารเคมี เช่น การนำกากมอลต์และกากธัญพืชจาก การผลิตแอลกอฮอล์ไปเป็นส่วนผสมในอาหารสัตว์ และใช้น้ำทิ้งจากกระบวนการบำบัดน้ำกากล่าไปเป็นสารปรับสภาพดินในการปลูกพืช เช่น อ้อย ข้าว มันสำปะหลัง และปาล์มน้ำมัน

นอกจากนั้น ไทยเบฟยังส่งเสริมและฝึกอบรมพนักงานในการป้องกันการเกิดของเสียโดยใช้ระบบ Total Productive Maintenance (TPM) และเข้าร่วมในโครงการจัดการของเสียที่ส่งเสริมความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม ไทยเบฟมีการติดตามปริมาณและประเภทของของเสีย รวมถึงวิธีการกำจัดของเสียจากกระบวนการผลิตโดยใช้ระบบฐานข้อมูลแสดงของเหลือทิ้ง (Waste Inventory System หรือ WIN) และระบบจัดการข้อมูลเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Data Management System หรือ SDMS) เพื่อรวบรวมและประมวลผลข้อมูลจากกลุ่มธุรกิจและคู่ค้า โดยนำข้อมูลนี้แสดงต่อทุกหน่วยธุรกิจ เพื่อสร้าง ความตระหนักถึงความจำเป็นในการลดปริมาณของเสียเพื่อให้บรรลุเป้าหมายของไทยเบฟในการลดของเสียที่นำไปฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี 2583

โครงการเด่น

โครงการแปรรูปของเสียเป็นพลังงาน
ไทยเบฟได้นำผลิตภัณฑ์ผลพลอยได้และของเสียจากกระบวนการผลิตมาแปรรูปเป็นพลังงานหมุนเวียน เพื่อลดปริมาณของเสีย ที่นำไปฝังกลบ รวมถึงสามารถลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิต ในปี 2566 หลังจากติดตั้งเครื่องกำเนิด ไอน้ำจากเชื้อเพลิงชีวมวล ที่โรงงานเบียร์ทิพย์ฯ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ไทยเบฟสามารถลดของเสียปริมาณ 6,000 เมตริกตัน ที่จะนำไปฝังกลบ และเปลี่ยนของเสียเป็น เชื้อเพลิงผลิตไอน้ำในกระบวนการผลิต ซึ่งของเสียที่นำมา จัดการด้วยวิธีนี้ ได้แก่ กากตะกอนจากกระบวนการบำบัด น้ำเสีย กากใบชา และเศษฉลากจากกระบวนการล้างขวด โดยการนำของเสียเหล่านี้ไปแปรรูปเป็นพลังงานสามารถช่วยลด ก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 48,632 เมตริกตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
โครงการสำคัญ
โครงการเพิ่มมูลค่าจากเศษฉลาก
ไทยเบฟนำขวดแก้วเกือบหนึ่งพันล้านขวดกลับมาใช้ซ้ำในกระบวน การผลิตทุกปี และหนึ่งในของเสียที่เกิดจากกระบวนการล้างขวดคือเศษฉลาก นอกจากนำไปเป็นเชื้อเพลิงแล้ว เศษฉลากเหล่านี้ยังสามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้อีกหลายอย่างเพื่อช่วยป้องกันการนำ ของเสียไปฝังกลบ
  • โรงงานสุราธนภักดี จังหวัดเชียงใหม่ ดำเนินการนำเศษฉลากจาก กระบวนการล้างขวดมาเป็นส่วนผสมในสารปรับปรุงดิน ซึ่งสามารถ ลดปริมาณของเสียที่นำไปฝังกลบได้ 8.5 เมตริกตัน โดยมีการนำไปทดลองปลูกพืชระยะยาวด้วยการใช้สารปรับปรุงดินที่มาจาก เศษฉลาก ร่วมกับน้ำกากส่าจากกระบวนการผลิต โดยมีการเก็บดิน ในแปลงทดลองไปวิเคราะห์ธาตุอาหารที่สำนักงานวิเคราะห์วิจัยค้นคว้าและพัฒนาสำนักเทคนิคการสุรา เพื่อทดสอบสารประกอบของดินและผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นต่อผลผลิต
  • ในปี 2566 โรงงานสุราหลักชัยค้าสุรา จังหวัดราชบุรี จัดส่งเศษฉลากจากกระบวนการล้างขวดจำนวน 11.67 เมตริกตันให้กับบริษัท อีโค่ เฟรนด์ลี่ ไทย จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทรีไซเคิลบรรจุภัณฑ์กล่องเครื่องดื่มหลังการบริโภคเพื่อนำไปผลิตเป็นกระถางต้นไม้และของตกแต่งบ้านอื่นๆ
โครงการบริหารจัดการขยะในโรงเรียน
ไทยเบฟขยายโครงการเก็บกลับ-รีไซเคิล (Bring Back–Recycle) ไปสู่เยาวชน เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับความสำคัญและประโยชน์ของ การแยกขยะ โดยในปี 2566 ไทยเบฟเปิดโอกาสให้นักเรียน 300 คนจาก 40 โรงเรียนในโครงการสานอนาคตการศึกษา (Connext ED), โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School) และโครงการเพื่อการอนุรักษ์และพัฒนาพื้นที่คุ้งบางกะเจ้า(Our Khung Bang  Kachao) เข้าร่วมโครงการดังกล่าว โดยให้ความรู้ในการคัดแยกประเภทขยะอย่างถูกวิธีตั้งแต่ต้นทาง ตลอดระยะเวลาโครงการ ไทยเบฟให้การสนับสนุนโรงเรียนเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง โดยมี การประเมินผลเปรียบเทียบก่อนและหลังเข้าร่วมโครงการ นอกจากโครงการลดปริมาณของเสียที่ถูกกำจัดด้วยการฝังกลบแล้ว โรงเรียนที่เข้าร่วมโครงการยังได้จัดกิจกรรมภายใน เช่น การจัดตั้งชมรมและ/หรือ คณะทำงานในด้านการบริหารจัดการขยะ และการเปลี่ยนขยะ ให้มีคุณค่าซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้เพิ่มขึ้น
บล็อกก่อผนัง Green Block
ไทยเบฟร่วมมือกับสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี แห่งชาติ (สวทช.) พัฒนาเม็ดเซรามิกมวลเบา (Green Rock) โดยใช้ผงขี้เถ้าจากการเผาน้ำกากส่าจากกระบวนการกลั่นสุราเพื่อผลิตเป็นพลังงานความร้อน และได้มีการนำเม็ดเซรามิกมวลเบา ไปใช้ในการผสมคอนกรีตโดยพัฒนาผลิตภัณฑ์เพิ่มเติม คือ บล็อกก่อผนัง Green Block ซึ่งเหมาะสำหรับงานก่อสร้างผนัง ทั้งภายในและภายนอกอาคารในเขตภูมิอากาศแบบร้อนชื้น

บล็อกก่อผนัง Green Block เป็นวัสดุก่อสร้างนวัตกรรมใหม่ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งผลิตจากวัตถุดิบรีไซเคิลประมาณร้อยละ 10-15 โดยผ่านกระบวนการผลิตที่ไม่มีการเผาหรืออบ บล็อกก่อผนัง Green Block มีคุณสมบัติเฉพาะด้วยเทคโนโลยีการระบายอากาศ แบบสองชั้น (Double Ventilation) จากความเป็นรูพรุนของ เม็ดเซรามิกมวลเบา ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการไหลเวียนของอากาศ ทำให้สามารถระบายความร้อนออกจากผนังได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีอัตราการดูดซึมน้ำต่ำกว่าร้อยละ 14 จึงช่วยป้องกันการแตกร้าวของผนังได้ บล็อกก่อผนัง Green Block ได้การรับรองมาตรฐาน Made in Thailand และ Material ConneXion
ความมุ่งมั่นและความสำเร็จ
ผลการดำเนินงานปี 2566 (หน่วย: เมตริกตัน)
ของเสียที่แบ่งตามประเภทและวิธีการกำจัด (หน่วย: เมตริกตัน)