หน้าแรก / การพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยเบฟ
การลดความสูญเสียอาหาร และขยะอาหาร
จากข้อมูลขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่าอย่างน้อยหนึ่งในสามของอาหารถูกนำไปทิ้ง ซึ่งส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั่วโลกอย่างมีนัยสำคัญ และเป็นปัจจัยหนึ่งที่ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เนื่องจากของเสียที่สลายตัวในหลุมฝังกลบ จะทำให้เกิดก๊าซมีเทนซึ่งเป็นก๊าซเรือนกระจก นอกจากนั้น การที่โลกของเรายังมีผู้ที่ประสบปัญหาความอดอยากอยู่แม้ว่าจะมีขยะจากอาหารเหลือเกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก แสดงให้เห็นถึงปัญหาในระบบการกระจายอาหารในปัจจุบัน

ทั้งนี้โครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ประมาณการว่า 8-10% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก เกิดจากอาหารที่ไม่ได้ถูกบริโภค เพื่อลดการสูญเสียอาหารและการเกิดขยะอาหาร ไทยเบฟได้วางแผนการจัดการทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นเพื่อลด ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
แนวทางการบริหารจัดการ
เพื่อขับเคลื่อนความพยายามในการลดความสูญเสียอาหารและขยะอาหาร ไทยเบฟได้ตั้งเป้าหมายเชิงรุกเพื่อลดขยะอาหารให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 โดยได้ดำเนินการตามมาตรฐาน “การทำแผนที่และการวัดขยะอาหารและเครื่องดื่ม” ของโครงการสิ่งแวดล้อมแห่งสหประชาชาติ (UNEP) ซึ่งใช้จัดวางลำดับชั้นของวัสดุอาหารและเครื่องดื่ม เริ่มตั้งแต่การป้องกัน การเพิ่มประสิทธิภาพ การรีไซเคิล และการนำกลับมาใช้ใหม่ตลอดจนถึงการกำจัดขยะอาหาร

ในปัจจุบัน การสูญเสียอาหารทั้งหมดภายในกลุ่มธุรกิจเบียร์ สุรา และเครื่องดื่มไม่มีแอลกอฮอล์ของไทยเบฟได้รับการจัดการให้สามารถนำมาใช้ประโยชน์ต่อไปในกระบวนการผลิตได้ ส่งผลให้ปริมาณการสูญเสียอาหารและของเสียทั้งหมดที่ส่งไปกำจัด ณ สถานที่ฝังกลบจากกลุ่มธุรกิจเหล่านี้ลดลงเป็นศูนย์ จึงทำให้เหลือเพียงกลุ่มธุรกิจอาหารเท่านั้นที่ยังจำเป็นต้องบริหารจัดการปัญหาการสูญเสียอาหารและขยะจากการดำเนินงานให้เสร็จสิ้น

คณะทำงานด้านการจัดการความสูญเสียอาหารและขยะอาหาร ซึ่งประกอบด้วยผู้อำนวยการและผู้จัดการร้านอาหารและโรงงาน ของกลุ่มธุรกิจอาหาร ได้รับการจัดตั้งขึ้นเมื่อปลายปี 2563 เพื่อบริหารจัดการความสูญเสียอาหารและขยะอาหารที่เกิดขึ้น ในสถานที่ผลิตและร้านอาหารของบริษัท ในช่วงปลายปี 2564 ทางกลุ่มธุรกิจอาหารได้เริ่มทำความร่วมมือกับพันธมิตร เช่น บริษัท อาหารเสริม จำกัด, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจรีไซเคิล จำกัด, และบริษัท ฮาวี ลอจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด เพื่อพัฒนาโครงการการจัดการความสูญเสียอาหารและขยะอาหารอย่างครบวงจร โดยโครงการนี้ครอบคลุมทั้งการติดตามและการจัดการความสูญเสียอาหาร ขยะอาหาร และของเสียจากบรรจุภัณฑ์ นับจากโรงงานผลิต ไปจนถึงร้านอาหารของบริษัท โดยมีเป้าหมายหลักในการป้องกัน ไม่ให้มีการสูญเสียอาหารและขยะอาหารเหลือไปกำจัด ณ พื้นที่ฝังกลบ นอกจากนี้ ทางกลุ่มธุรกิจอาหารได้ค้นคว้าหาวิธีสร้างรายได้ จากความสูญเสียอาหารและขยะอาหารอยู่อย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างทางเลือกอื่นนอกเหนือจากการนำไปบริจาคเพียงอย่างเดียว
กระบวนการบริหารจัดการ
เป้าหมาย 12.3 ของการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (SDGs) คือการเรียกร้องให้ลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร ต่อประชากรลงครึ่งหนึ่งภายในปี 2573 ดังนั้น เป้าหมายของไทยเบฟในการลดขยะอาหารสู่หลุมฝังกลบให้เป็นศูนย์ภายในปี 2573 จึงถือได้ว่าเป็นเป้าหมายที่มีความท้าทายอย่างมากเนื่องจากทางบริษัทจำเป็นต้องหาวิธีการใช้ประโยชน์จากความสูญเสียอาหารและขยะอาหารที่เกิดขึ้นในทุกจุดของการดำเนินงาน ทั้งนี้ ไทยเบฟได้กำหนดกลยุทธ์หลายประการในกลุ่มธุรกิจทั้งสี่เพื่อลดปริมาณการเกิดการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร รวมถึงปริมาณของการสูญเสียอาหารและขยะอาหารที่ถูกทิ้งฝังกลบ ซึ่งกลยุทธ์ดังกล่าวรวมถึงโครงการรณรงค์เพื่อส่งเสริมให้ผู้บริโภคเกิดความตระหนักรู้ถึงความสำคัญ

ในการลดขยะอาหาร และโครงการในการนำความสูญเสียอาหารและขยะอาหารไปจำหน่ายเพื่อแปรรูปและใช้ประโยชน์ต่อไป นอกจากนี้ ไทยเบฟยังมีเป้าหมายที่จะทำงานร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกภาคส่วนในการลดการสูญเสียอาหารและขยะอาหารในห่วงโซ่คุณค่า อย่างสร้างสรรค์ การสูญเสียอาหารและขยะอาหารมีความหมายที่เกี่ยวข้องแต่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าความสูญเสียนั้นเกิดขึ้นในขั้นตอนใดในห่วงโซ่คุณค่า การสูญเสียอาหารคือปริมาณหรือคุณภาพของอาหารที่ลดลง ในช่วงการเก็บเกี่ยว การขนส่ง และการผลิต แต่ไม่รวมถึงขั้นตอน การจัดจำหน่าย ในขณะที่ขยะอาหารเกิดขึ้นในขั้นตอนการจัดจำหน่าย และการบริโภค ไทยเบฟได้จำแนกหมวดหมู่การสูญเสียอาหารและขยะอาหารตามขั้นตอนที่เกิดโดยใช้ระบบต่าง ๆ ในการวัดปริมาณ ในพื้นที่การผลิต การสูญเสียอาหารจะถูกรวบรวม ประเมิน แบ่งประเภท และจัดเก็บก่อนที่จะได้รับการจัดการ ซึ่งช่วยให้บริษัทสามารถย้อนกลับไปติดตามรายละเอียดการสูญเสียอาหารในแต่ละขั้นตอนได้ นอกจากนี้ ไทยเบฟยังใช้วิธีอื่นในการวัดปริมาณการสูญเสียอาหาร อีกด้วย เช่น การคำนวณความแตกต่างของน้ำหนักระหว่างรถบรรทุกเต็มและบรรทุกเปล่าระหว่างขั้นตอนการขนส่ง และในขั้นตอนการจัดจำหน่ายปลีก ไทยเบฟได้ใช้วิธีการชั่งน้ำหนักเศษอาหารที่ร้านอาหารแต่ละแห่งและคำนวณปริมาณของเสียโดยผ่านระบบสินค้าคงคลังของบริษัท

ในกระบวนการดำเนินงาน ข้อมูลการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร จะถูกรวบรวมโดยผู้เก็บข้อมูลที่โรงงานผลิตอาหารของบริษัทที่จังหวัดชลบุรีและที่ร้านอาหารในเครือของบริษัทผ่านระบบฐานข้อมูลออนไลน์ Sustainability Data Management System (SDMS) ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะถูกรวบรวมจากแผนกและคู่ค้าที่เกี่ยวข้อง ผ่านการสรุปและวิเคราะห์โดยนักวิเคราะห์ จากนั้นจะถูกส่งไปยังสำนักงานบริหารโครงการ (PMO) เพื่อนำข้อมูลที่ได้มาหารือและปรับปรุงกระบวนการลดขยะอาหารให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นต่อไป
ระบบในการติดตามการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร

การสูญเสียอาหาร
ไทยเบฟได้คัดแยกการสูญเสียอาหารออกเป็นประเภทต่าง ๆ เช่น เศษปลา เศษผัก เศษขนมปัง และเศษอาหารอื่น ๆ โดยมีการติดตามปริมาณและวิธีการกำจัดเศษอาหารแต่ละประเภทในแต่ละเดือน ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นการนำไปจำหน่ายให้กับคู่ค้าหรือบริจาคให้ กับชุมชนเพื่อเป็นอาหารสัตว์ โดยข้อมูลนี้ได้รับการติดตามอย่างต่อเนื่องเพื่อให้ไทยเบฟสามารถติดตามรายละเอียดข้อมูลการสูญเสียอาหารแต่ละประเภทตามน้ำหนักได้ นอกจากนั้น ปัญหาหรือข้อเสนอแนะใด ๆ ที่เกิดขึ้นระหว่างกระบวนการจะถูกส่งต่อไปยังหัวหน้าโครงการเพื่อตรวจสอบและดำเนินการ ขั้นตอนเหล่านี้สามารถช่วยลดการสูญเสียในแต่ละกระบวนการให้เหลือน้อยที่สุด และเพิ่มปริมาณการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด

นอกจากนี้ ไทยเบฟยังร่วมมือกับคู่ค้าเพื่อสร้างความมั่นใจว่า วัตถุดิบที่ใช้ในกระบวนการผลิตเป็นไปตามมาตรฐานคุณภาพที่ดี และไม่เกิดการสูญหายโดยไม่จำเป็นในช่วงการบรรจุหรือการขนส่ง ที่ไม่มีประสิทธิภาพ
ขยะอาหาร
ไทยเบฟยังคงเดินหน้าปรับปรุงข้อมูลขยะอาหารอย่างต่อเนื่อง โดยเก็บรวบรวมข้อมูลจากร้านอาหาร เช่น ชาบูชิ โออิชิราเมน และเคเอฟซี โดยมีเป้าหมายให้ครอบคลุมร้านอาหารทุกแบรนด์ ในเครือไทยเบฟ ทั้งนี้ เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาด้านความปลอดภัยและ สุขอนามัยที่อาจเกิดขึ้นจากเศษอาหารเน่าเสีย ไทยเบฟได้ทำงาน ร่วมกับพันธมิตรด้านการจัดส่งที่ได้รับใบอนุญาตในการกำจัด ของเสียเพื่อให้การรวบรวมและจัดการขยะอาหารเป็นไปอย่างเหมาะสม รวมถึงการสำรวจวิธีการต่าง ๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มใหม่ให้กับ ขยะอาหารของบริษัท นับตั้งแต่การแปรรูปชิ้นส่วนวัตถุดิบเหลือใช้ที่ถูกสุขอนามัยและมีคุณภาพดีให้เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ ไปจนถึงการบริจาคอาหารส่วนเกินจากเครือร้านอาหารของบริษัทให้กับองค์กร และชุมชนต่าง ๆ

ในปี 2566 ไทยเบฟได้ว่าจ้างที่ปรึกษาเพื่อช่วยยืนยันความถูกต้อง ของข้อมูลขยะอาหาร ปรับปรุงและพัฒนาระบบข้อมูลที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ร่างนโยบายและแนวทางการปฏิบัติที่เกี่ยวกับ การสูญเสียอาหารและขยะอาหาร ติดตามความคืบหน้าของบริษัทอื่นในอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มในด้านการจัดการการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร และนำเสนอแผนงานเพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาวของบริษัท โดยการปรึกษาผู้เชี่ยวชาญภายนอกนี้จะช่วยปรับปรุงโครงการการจัดการขยะอาหารของบริษัทให้มีความสอดคล้องกับ เป้าหมายและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

นอกจากนี้ ไทยเบฟยังได้หารือกับเจ้าของพื้นที่ร้านอาหารต่างๆ เกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการร่วมมือกันจัดการขยะอาหาร โดยมีแผนจะเริ่มจากภายในกรุงเทพฯก่อน จากนั้นจึงขยายออกไปยังต่างจังหวัด เช่น การจัดหาพื้นที่ส่วนกลางสำหรับเก็บขยะอาหาร พร้อมทั้งจัดเตรียมวิธีการกำจัดขยะอาหารที่สามารถสร้างรายได้ ให้กับเจ้าของพื้นที่ ในขณะเดียวกัน ทางฝ่ายผู้เช่าพื้นที่จะมีความ รับผิดชอบในการนำขยะอาหารที่เกิดขึ้นในแต่ละวันไปทิ้งที่พื้นที่เก็บขยะอาหารส่วนกลาง ซึ่งรูปแบบการร่วมมือดังกล่าวจะทำให้เกิด ผลประโยชน์กับทั้งฝ่ายเจ้าของพื้นที่และผู้เช่า พร้อมทั้งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการขยะอาหารไปในตัว
ความร่วมมือกับพันธมิตรต้นน้ำและปลายน้ำ
ไทยเบฟร่วมมือกับพันธมิตรต้นน้ำและปลายน้ำในการสร้างผลิตภัณฑ์และโครงการที่เป็นนวัตกรรมเพื่อลดการสูญเสียอาหาร อาทิ:
  • แปรรูปขยะผักเป็นปุ๋ย
  • นำเศษขนมปังและเศษปลาแซลมอนกลับมาใช้เป็นส่วนหนึ่ง ในผลิตภัณฑ์อาหาร
  • บริจาคเศษวัตถุดิบเพื่อใช้เป็นอาหารสัตว์
  • จำหน่ายน้ำมันพืชใช้แล้วให้กับคู่ค้าเพื่อนำไปผลิตเป็น น้ำมันไบโอดีเซล
เป้าหมาย
เป้าหมาย
การนำขยะอาหาร ไปฝังกลบเป็นศูนย์ ภายในปี 2573
ทิศทางการดำเนินงาน
ขยายโครงการและแนวทาง การลดขยะอาหารให้ครอบคลุม เครือข่ายร้านอาหารทั้งหมด ในเครือไทยเบฟ เพื่อสร้างคุณค่า ให้กับบริษัทและสังคม
โครงการเด่น
กิจกรรม “กินหมดเกลี้ยง”
ชาบูชิ (เครือร้านอาหารบุฟเฟต์สไตล์ชาบู) ได้จัดกิจกรรม “กินหมดเกลี้ยง” ให้ลูกค้าของทางร้านได้เข้าร่วมสนุก โดยเป็นการ ท้าให้ลูกค้าบริโภคอาหารที่ตนเองตักหรือสั่งมาให้ได้ทั้งหมดโดยไม่เหลือทิ้ง เพื่อเป็นการส่งเสริมให้ลูกค้าตระหนักถึงความสำคัญ ของการลดขยะอาหาร เนื่องมาจากรูปแบบการให้บริการแบบบุฟเฟต์เปิดโอกาสให้ทางผู้บริโภคสามารถตักอาหารได้ ตามความต้องการ ซึ่งส่งผลให้เกิดขยะอาหารเหลือเป็นจำนวนมาก ทั้งนี้ กิจกรรมนี้จัดขึ้นใน 200 สาขาทั่วประเทศ (ชาบูชิ 175 สาขา, โออิชิบุฟเฟ่ต์ 7 สาขา, โออิชิ อีทเทอเรียม 13 สาขา, และนิกุยะ 5 สาขา) มีลูกค้าเข้าร่วมกิจกรรมรวมทั้งสิ้น 250,819 ราย และให้การตอบรับเป็นอย่างดี และคาดว่าจะสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาขยะอาหารผ่านการมีส่วนร่วม ในกิจกรรมรณรงค์นี้
โครงการสำคัญ
การขายน้ำมันทำอาหารใช้แล้วเพื่อผลิตเป็นไบโอดีเซล
น้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วจากกลุ่มธุรกิจอาหารของไทยเบฟ สามารถนำกลับไปใช้ใหม่เป็นไบโอดีเซลได้ ดังนั้น บริษัทจึงมองหา คู่ค้าที่ยินดีรับซื้อน้ำมันปรุงอาหารใช้แล้วเพื่อสร้างมูลค่าให้กับ ทั้งสองฝ่าย พร้อมๆ กับช่วยบรรเทาการเปลี่ยนแปลง สภาพภูมิอากาศด้วย โดยในปี 2566 ได้มีการขายน้ำมัน ปรุงอาหารใช้แล้วจากร้านอาหารเป็นจำนวน 1,316.36 เมตริกตัน เพื่อนำไปผลิตเป็นไบโอดีเซล ซึ่งสามารถสร้างรายได้ให้บริษัท ได้ถึง 35.23 ล้านบาท
โครงการ KFC Harvest
เป็นโครงการนำอาหารส่วนเกินไปบริจาคโดยตรงให้กับผู้ด้อยโอกาส โดยบริษัท เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด หรือ QSA (ผู้ดำเนินธุรกิจอาหารของไทยเบฟที่ดูแลการบริหารจัดการ สาขาร้านอาหาร KFC) จะนำอาหารส่วนเกินไปบริจาคให้กับ สถานสงเคราะห์ 10 แห่งทั่วประเทศไทย ได้แก่ บ้านเมตตา (จังหวัดนครราชสีมา) บ้านวังทอง (จังหวัดพิษณุโลก) บ้านมหาราช (จ.ปทุมธานี) บ้านทับกวาง (จ.สระบุรี) เป็นต้น โดยในปี 2566 ร้านอาหารเคเอฟซีภายใต้การดำเนินงานของ QSA ได้บริจาคอาหารที่ยังคงคุณภาพดีให้แก่สถาบันต่างๆ รวมทั้งสิ้น 10,019.06 กิโลกรัม ซึ่งเพิ่มขึ้นจากปีก่อนหน้า ร้อยละ 58.55
โครงการ KFC Harvest 2564 2565 2566
ปริมาณการบริจาค (กก.) 8,454.61 6,319.06 10,019.06
บริจาคอาหารส่วนเกินร่วมกับมูลนิธิ Scholars of Sustenance (SOS) Foundation
กลุ่มธุรกิจอาหารของไทยเบฟร่วมงานกับมูลนิธิ SOS Foundation เพื่อบริจาคอาหารส่วนเกินให้กับชุมชนด้อยโอกาส โดยทางมูลนิธิ จะทำงานร่วมกับร้านอาหารต่างๆ เพื่อรับอาหารส่วนเกิน (ทั้งดิบหรือปรุงสุก) ที่ยังคงมีคุณภาพสูงและรับประทานได้เพื่อนำไปบริจาค ซึ่งทางร้านอาหารได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการจัดเก็บอาหาร รวมถึงภาชนะบรรจุ และประเภทอาหารที่ยอมรับได้ เพื่อให้มั่นใจ ในความปลอดภัยของผู้รับ

ในปี 2566 โครงการนี้ได้ขยายขอบเขตเพิ่มขึ้น โดยปัจจุบันมีร้านอาหารที่เข้าร่วมโครงการเป็นจำนวนรวม 31 สาขา (ชาบูชิ 15 สาขา, โออิชิ อีทเทอเรียม 6 สาขา, นิกุยะ 2 สาขา, และเคเอฟซี 8 สาขา) และได้บริจาคอาหารส่วนเกินรวม 3,255.79 กิโลกรัม เทียบเท่ามื้ออาหาร 24,342 มื้อ และมีมูลค่าประมาณ 270,073 บาท
โครงการ “ไม่กินบอก เอาออกให้”
โครงการส่งเสริมความเข้าใจในเรื่องการสูญเสียอาหารและ ขยะอาหารนี้เริ่มขึ้นเมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2565 ที่โออิชิราเมน โออิชิบิซโทโระ และคาคาชิ โดยลูกค้าสามารถแจ้งพนักงาน ได้ว่าไม่ต้องการให้ใส่วัตถุดิบอะไรในอาหารของตน ซึ่งวิธีการนี้ จะช่วยลดขยะอาหารได้พร้อมกับเพิ่มความพึงพอใจของลูกค้า

ในเวลาเดียวกัน โครงการนี้มีเป้าหมายในการเสริมสร้าง ความตระหนักรู้และความเข้าใจให้ลูกค้าในเรื่องของขยะอาหาร ในชีวิตประจำวัน
ความมุ่งมั่นและความสำเร็จ
รายละเอียดการสูญเสียอาหาร และขยะอาหาร ผลการดำเนินงาน ปี 2566 สัดส่วนขยะอาหาร ที่นำไปฝังกลบ
ปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหารทั้งหมด 2,542.05
เมตริกตัน


38.42%
ปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหาร ที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์เพื่อวัตถุประสงค์อื่น 1,565.44
เมตริกตัน
ปริมาณขยะอาหารที่ถูกกำจัดโดยการนำไปฝังกลบ 976.61
เมตริกตัน
การสูญเสียอาหารและขยะอาหาร
1,565.44
เมตริกตันถูกนำไปใช้ประโยชน์ เพื่อวัตถุประสงค์อื่น โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้:
บริจาคหรือจำหน่ายเป็นอาหารสัตว์:
229.04
เมตริกตัน
แปรรูปและขายเป็นผลิตภัณฑ์พลอยได้:
3.40
เมตริกตัน
นำไปบริจาค:
16.35
เมตริกตัน
จำหน่ายเพื่อผลิตเป็นเชื้อเพลิงชีวภาพ:
1,316.36
เมตริกตัน
แปรรูปเป็นปุ๋ย:
0.29
เมตริกตัน