หน้าแรก / การพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยเบฟ
การส่งเสริมสิทธิมนุษยชน
ไทยเบฟเชื่อว่าองค์กรภาคธุรกิจมีส่วนสำคัญในการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน จึงได้ยึดมั่นในการเคารพสิทธิมนุษยชนของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงปฏิบัติ ตามกฎหมาย ปฏิญญาสากลและหลักการที่เกี่ยวข้อง รวมถึงพระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 ปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน (Universal Declaration of Human Rights) หลักการแห่งสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจกับสิทธิมนุษยชน (United Nations Guiding Principles on Business and Human Rights) และปฏิญญา ว่าด้วยหลักการและสิทธิขั้นพื้นฐานในการทำงานขององค์การแรงงานระหว่างประเทศ (The International Labour Organization Declaration on Fundamental Principles and Rights at Work)

ไทยเบฟมุ่งมั่นสร้างมาตรฐาน ในฐานะองค์กรชั้นนำที่ปฏิบัติตามหลักสิทธิมนุษยชนอย่างเคร่งครัด ในการป้องกันและลดความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนเชิงรุกต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม นอกจากนี้ ไทยเบฟยังตระหนักถึงความเกี่ยวข้องระหว่างการปกป้องสิทธิมนุษยชน และการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงของ สภาพภูมิอากาศ และเชื่อมั่นว่าการมีส่วนร่วมกับ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียสามารถส่งเสริมความร่วมมือในการพัฒนาสังคมให้สามารถรับมือ กับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปได้ดียิ่งขึ้น
แนวทางการบริหารจัดการ
ไทยเบฟคาดหวังให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนในเครือไทยเบฟ รวมถึงกิจการร่วมค้าและความสัมพันธ์ทางธุรกิจรายใหม่ (เช่น ผ่านการควบรวมกิจการ) ตลอดจนคู่ค้าและพันธมิตร ทางธุรกิจ ให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิมนุษยชนเพื่อสร้างความเท่าเทียมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย และเพื่อให้บรรลุ เป้าหมายดังกล่าว ไทยเบฟจึงกำหนดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายปฏิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชนของบริษัทอย่างเคร่งครัด
ประกาศนโยบายด้านสิทธิมนุษยชน
หลักสิทธิมนุษยชนสากลซึ่งถูกระบุในนโยบายและคำชี้แจง สิทธิมนุษยชนของบริษัท ได้แก่ การเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด การบังคับใช้แรงงาน และการใช้แรงงานเด็ก เสรีภาพในการสมาคม ค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกัน สภาพการทำงาน ความปลอดภัย และสุขภาพในสถานที่ทำงาน ไทยเบฟกำหนดให้คู่ค้าทุกราย (ทั้งคู่ค้าทางตรงและทางอ้อม) และพันธมิตรทางธุรกิจต้อง ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวตามมาตรฐานสูงสุดเท่าที่จะทำได้

แนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของไทยเบฟ ครอบคลุมประเด็นและข้อกำหนดต่าง ๆ ด้านสิทธิมนุษยชน ที่พัฒนาขึ้นตามกฎหมาย คู่ค้าทุกรายต้องลงนามและยอมรับ แนวทางปฏิบัติของจรรยาบรรณนี้ การปฏิเสธและไม่ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของไทยเบฟ จะส่งผลให้ถูกปฏิเสธและตัดสิทธิ์การเป็นคู่ค้าของไทยเบฟ

ไทยเบฟส่งเสริมให้สถานที่ทำงานสร้างความรู้สึกมีคุณค่าและได้รับความเคารพให้แก่พนักงานทุกคน เปิดรับความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (DE&I) เราปลูกฝังสภาพแวดล้อม ที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมในการพัฒนาและประสบความสำเร็จ และห้ามเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบโดยเด็ดขาด เราตระหนักดีว่าพนักงานที่มีความหลากหลายคือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ ความสำเร็จ ดังนั้นจึงเปิดรับความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก เพื่อให้เราสามารถปรับปรุงการมีส่วนร่วมของพนักงาน การรักษาพนักงาน และประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กร

เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน ไทยเบฟจัดตั้ง คณะกรรมการสวัสดิการเพื่อสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการสมาคมและการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของพนักงาน บริษัทจัดอบรม เพื่อสื่อสารบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการสวัสดิการ ในประเด็นด้านสิทธิและสวัสดิการแรงงาน
กระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้าน
ไทยเบฟเริ่มดำเนินกระบวนการตรวจสอบสถานะสิทธิมนุษยชน ตามหลักการของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (The UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP) มาตั้งแต่ปี 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรายงาน ป้องกัน และบรรเทาผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากธุรกิจของ ไทยเบฟตลอดห่วงโซ่คุณค่า อีกทั้งเพื่อระบุและประเมินแนวทาง การจัดการและเยียวยาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ได้รับผลกระทบ
ประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน ที่อาจเกิดขึ้น
การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมกิจกรรม ทางธุรกิจทั้งหมดของไทยเบฟ โดยจำแนกดังนี้
  • ธุรกิจหลัก ได้แก่ การจัดหาการผลิต การจัดจำหน่าย และการขนส่ง การตลาดและการขาย และการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค
  • หน่วยงานสนับสนุนทางธุรกิจ เช่น กลุ่มงานทรัพยากรบุคคล
นอกจากนี้การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนยังครอบคลุม คู่ค้าทางตรง (Tier 1 Supplier) และกิจการร่วมค้าโดยไม่มีการควบคุมจากฝ่ายบริหารของไทยเบฟทุกราย

ไทยเบฟประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมคู่ค้า ทางตรงทั้งหมด รวมถึงบริษัทที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจรายใหม่ (เช่น การร่วมค้า) หากมีกรณีการควบรวมกิจการในอนาคต จะมีการประเมินเพื่อระบุประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้น

การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมประเด็น ที่เกิดขึ้นและอาจเกิดขึ้น ดังนี้
  • การบังคับใช้แรงงาน
  • การค้ามนุษย์
  • การใช้แรงงานเด็ก
  • เสรีภาพในการสมาคม
  • สิทธิในการเจรจาต่อรองร่วมกัน
  • ค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกัน
  • การเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด
  • สภาพการทำงานและอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OHS)
  • ประเด็นที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมถึงพนักงานและกลุ่มเสี่ยง ได้แก่
  • ผู้หญิง
  • เด็ก
  • ชนพื้นเมือง
  • แรงงานข้ามชาติ
  • แรงงานจ้างเหมาบุคคลที่สาม
  • ชุมชนท้องถิ่น
  • LGBTQI+
  • ผู้พิการ
สิทธิมนุษยชนสำหรับคู่ค้า
ไทยเบฟได้ระบุประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ตามสาระสำคัญด้านความยั่งยืนของไทยเบฟ ความเสี่ยงเฉพาะในอุตสาหกรรม ตัวชี้วัดด้วยมาตรฐานด้านความยั่งยืน ซึ่งเป็นที่ยอมรับ ซึ่งสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญ ซึ่งจะนำไปพิจารณาในการคัดกรองคู่ค้า การประเมินคู่ค้า และการพัฒนาคู่ค้า ไทยเบฟคัดกรองคู่ค้าที่มีการซื้อขาย (Active Suppliers) ทุกรายโดยใช้หลักการสิทธิมนุษยชนเป็นเกณฑ์ ในการคัดกรอง ไทยเบฟร่วมมือกับคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อ ดำเนินการแก้ไขร่วมกันอย่างเร่งด่วน โดยสรุปรายละเอียดประเด็นสำคัญที่ต้องปรับปรุงจากผลการประเมินคู่ค้ายังถูกรวมไว้ในกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านของไทยเบฟ อีกด้วย

นอกจากนี้แนวทางปฏิบัติสำหรับพันธมิตรและผู้ค้าร่วมของไทยเบฟ ยังกล่าวถึงประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย สิทธิมนุษยชนของไทยเบฟ และนโยบายการไม่เลือกปฏิบัติ และการต่อต้านการล่วงละเมิดอีกด้วย
บูรณาการผลการประเมินความเสี่ยง และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น
ในปี 2566 ไทยเบฟประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่คุณค่าและผู้ถือสิทธิ์ โดยระบุประเด็น ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนไว้สามประเด็น ได้แก่
  • สุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
  • สุขภาพและความปลอดภัยของคู่ค้า/ผู้รับเหมา
  • มาตรฐานการครองชีพของชุมชน
ประเด็นหลัก ด้านสิทธิมนุษยชน การละเมิดสิทธิมนุษยชน ที่อาจเกิดขึ้น มาตรการเยียวยา
สุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน คู่ค้า และผู้รับเหมา
  • อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน (เช่น การบาดเจ็บจากเครื่องจักรและอุปกรณ์ การตกจากที่สูง การบาดเจ็บจากวัตถุมีคม)
  • การไม่ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย (เช่น การไม่สวมชุด PPE)
  • อุบัติเหตุจากการใช้งานเครื่องจักร ซึ่งอาจทำให้ทุพพลภาพถาวรหรือเสียชีวิต
  • สภาพแวดล้อมการทำงานที่อาจทำให้พนักงาน คู่ค้า และผู้รับเหมาเกิดความรู้สึก ไม่สบาย เช่น แสงสว่าง เสียง สารเคมี และการระบายอากาศ อุบัติเหตุจากการขนส่ง (เช่น อุบัติเหตุ ทางถนน รถล้ม รถชนสิ่งกีดขวาง รถพลิกคว่ำ)
ความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัย ที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้อาจละเมิดสิทธิมนุษยชนของพนักงาน คู่ค้า และผู้รับเหมา:
  • สิทธิในการมีชีวิต
  • สิทธิที่จะได้รับความยุติธรรมในการทำงาน
  • สิทธิในการได้รับค่าครองชีพตามมาตรฐาน ที่เพียงพอ
  • สิทธิด้านสุขภาพ
กลุ่มเสี่ยง:
  • สตรี แรงงานข้ามชาติ กลุ่ม LGBTQI+ ผู้พิการ และ (สำหรับคู่ค้า/ผู้รับเหมา) บุคลากรที่ไม่ได้จัดจ้างโดยกลุ่มบริษัทไทยเบฟ
  • ความมุ่งมั่นปฏิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชน และมาตรฐานระดับสูงด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และการเจ็บป่วยจากการทำงาน ตามมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัย (เช่น OHSAS 18001 และ ISO 45001)
  • จัดทำนโยบายอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
  • วิเคราะห์และลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ของงาน (JSA) ขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐานความปลอดภัย (SSOP)
  • บริหารจัดการพนักงานอย่างเข้มงวดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการความปลอดภัย ได้แก่ การตรวจวัดแอลกอฮอล์ การบำรุงรักษา ยานพาหนะ และการตรวจสอบจำกัดความเร็วผ่านแอป TOMs
มาตรฐานการครองชีพ ของชุมชน
  • อุบัติเหตุทางถนนจากการขนส่งวัสดุ หรือพนักงานซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชนได้
  • การจราจรติดขัดเพิ่มขึ้น
  • มลภาวะทางเสียงและกลิ่นอาจรบกวนชุมชนท้องถิ่น
  • มลพิษทางอากาศหรือมลพิษของเสีย จากโรงงาน/สถานประกอบการสามารถ ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนได้
  • การปนเปื้อนเข้าสู่ทรัพยากรธรรมชาติ (จากน้ำเสียที่ปล่อยออกมาหรือจากการกำจัดของเสีย) อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำรงชีวิตของคนในชุมชน และส่ง ผลกระทบต่อรายได้และมาตรฐานการครองชีพ ของพวกเขา (เช่น น้ำเสียที่ฆ่าพันธุ์สัตว์น้ำ ทำให้ชาวประมงไม่สามารถจับปลาไปขายได้)
ความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัย ที่อาจเกิดขึ้นเหล่านี้อาจละเมิดสิทธิมนุษยชนของชุมชน:
  • สิทธิในการมีชีวิต
  • สิทธิในการได้รับค่าครองชีพตามมาตรฐาน ที่เพียงพอ
  • สิทธิด้านสุขภาพ
กลุ่มเสี่ยง:
  • สตรี เด็ก คนพื้นเมือง กลุ่มแรงงานข้ามชาติ กลุ่ม LGBTQI+ ผู้พิการ
  • ความมุ่งมั่นในนโยบายสิทธิมนุษยชนในการดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนและกิจการ เพื่อสังคมเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น
  • การดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 14001, ISO 45001 และ ISO 50001
  • ส่งเสริมวินัยด้านความปลอดภัยบนท้องถนนแก่พนักงาน ด้วยการจัดอบรมและกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ชุมชน
  • แผนสอบสวนอุบัติเหตุ เร่งจัดการการกีดขวาง ในพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุทันที เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติดในชุมชน
  • ดำเนินการสำรวจชุมชน เพื่อสังเกตและรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับพื้นที่ปฏิบัติการ ซึ่งจะช่วยป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้
  • มุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษ เป็นศูนย์ด้วยการควบคุมการกำจัดของเสียภายใต้หลัก 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle) จัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท
ติดตามและรายงานผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชน
ไทยเบฟมุ่งมั่นทบทวนกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชน อย่างรอบด้าน รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนในรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี หรือในเว็บไซต์ของไทยเบฟ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายสามารถรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนผ่านทางโทรศัพท์ 02 785 5555 หรือผ่านช่องทางเว็บไซต์ https://www.thaibev.com (ติดต่อเรา) บริษัทจะติดตามข้อมูลเหล่านี้และจัดทำแผนและดำเนินการแก้ไขที่จำเป็นเพื่อจัดการ กับปัญหาที่เกิดขึ้น
การเยียวยาผลระทบที่เกิดขึ้น
ในปี 2566 ไทยเบฟได้รับรายงานกรณีล่วงละเมิดสองราย ซึ่งประกอบด้วยการละเมิดทางวาจาหนึ่งราย และอีกหนึ่งรายประกอบด้วยการละเมิดทั้งทางวาจาและทางกาย บริษัทจัดตั้ง คณะกรรมการตรวจสอบทางวินัยขึ้นเพื่อสอบสวนทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวภายใต้แนวทางปฏิบัติและกฎระเบียบของบริษัท โดยคณะกรรมการพบหลักฐานการสัมผัสทางร่างกายหรือ การสะกดรอยตามในสถานที่หลายแห่ง ซึ่งทำให้เหยื่อรู้สึก ไม่ปลอดภัยและเป็นทุกข์ ดังนั้น คณะกรรมการวินัยจึงออกคำเตือนอย่างเป็นทางการ โดยอาจมีการยกเลิกสัญญาจ้างหากพบว่ายังคงกระทำพฤติกรรมดังกล่าวอีก บริษัทดำเนินมาตรการเยียวยาต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนสถานที่ทำงานให้แก่เหยื่อ การให้คำปรึกษา อย่างต่อเนื่อง ติดตามผลทางโทรศัพท์และแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นประจำ และการเข้าถึงการประเมินทางจิตเวชด้วยการสั่งยา ต้านความวิตกกังวลตามความเหมาะสม
เป้าหมาย

ความมุ่งมั่นและความสำเร็จ
พื้นที่ปฏิบัติงานของไทยเบฟ รวมถึงบริษัทในเครือและกิจการร่วมค้า (โดยไม่มีการควบคุมจากฝ่ายบริหาร) ทั้งหมดรวม 963 แห่ง ได้รับการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน

ร้อยละ 16.41 ของสถานที่ปฏิบัติงาน (158 แห่งจาก 963 แห่ง) พบว่ามีความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในประเด็นสำคัญลดลงจาก ร้อยละ 20.83 ในปี 2566

ทั้งหมดของสถานที่ปฏิบัติงานทั้งหมดที่ได้รับการระบุว่ามีความเสี่ยง ด้านสิทธิมนุษยชนสูง (158 แห่ง) มีมาตรการบรรเทาผลกระทบ และกระบวนการแก้ไขแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทมีมาตรการบรรเทาและติดตามความเสี่ยงทุกพื้นที่ปฏิบัติงาน

ไม่มีกิจการร่วมค้าใด (0 จาก 8 กิจการร่วมค้า) ถูกระบุว่ามี ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในประเด็นสำคัญสูง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีมาตรการบรรเทาและติดตามความเสี่ยงในกิจการร่วมค้า ทุกแห่ง

พนักงานใหม่ทุกคนได้รับการฝึกอบรมด้านสิทธิมนุษยชน และผู้เข้าร่วมทุกคนผ่านการทดสอบที่กำหนดโดยองค์กร ที่ตนเองสังกัด
โครงการเด่น
โครงการริเริ่มด้านความหลากหลาย ความเสมอภาค และการไม่แบ่งแยก (DE&I)
ไทยเบฟเริ่มดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่ไม่แบ่งแยก ซึ่งพนักงานจากทุกภูมิหลังได้รับโอกาสก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน และแสดงความสามารถเฉพาะตัวของตนได้ บริษัทแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งในความรับผิดชอบ ต่อสังคมด้วยการสนับสนุนในกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการมาตั้งแต่ปี 2550 และในปี 2566 บริษัทบริจาคเงินเข้ากองทุนแล้วกว่า 53 ล้านบาท ซึ่งส่งผลดีต่อผู้พิการกว่า 400 ราย

นอกจากนี้ ไทยเบฟยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคมด้วยการริเริ่มโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการ “Massage to Change Lives 2 Plus” ซึ่งเป็นการจ้างหมอนวดผู้พิการทางสายตา 10 คน มาให้บริการนวดผ่อนคลายแก่พนักงานตามสถานที่ต่าง ๆ โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ:
  • ลดความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม: โดยเปิดโอกาสให้มี การจ้างงานบุคคลทุพพลภาพที่ยั่งยืน ไทยเบฟส่งเสริม ให้พวกเขาสามารถพึ่งพาตนเองและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
  • เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน: การนวดประจำสัปดาห์ช่วยบรรเทาความเครียดและอาการออฟฟิศซินโดรม ให้กับพนักงาน
โครงการริเริ่มเหล่านี้ได้รับการยอมรับและยกย่องจากมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมและภาคีตั้งแต่ปี 2562 โดยบริษัทได้รับ โล่และเกียรติบัตร จากการใช้โครงการเหล่านี้ ความทุ่มเทของเราต่อ DE&I สะท้อนให้เห็นจากคะแนน ความผูกพันองค์กรของพนักงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ในปี 2566 พนักงานร้อยละ 80 เห็นพ้องกันว่าบริษัทให้ ความสำคัญกับความหลากหลายในสถานที่ทำงาน ทั้งอายุ เพศ ชาติพันธุ์ ภาษา การศึกษา คุณวุฒิ และมุมมอง ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดเป็นอันดับสามจากการสำรวจข้อมูล 16 มิติ ซึ่งทำเป็นประจำทุกปี

นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์คะแนนในกลุ่มต่าง ๆ ทั้งเพศ ช่วงวัย และระดับพนักงาน จะเห็นความสอดคล้องอย่างชัดเจน จากคะแนนที่อยู่ในระดับร้อยละ 80 ในทุกกลุ่มบ่งชี้ว่าพนักงานจากภูมิหลังที่หลากหลายภายในบริษัทมีความเห็นว่าบริษัทมีความเปิดกว้างเรื่องการเปิดรับความหลากหลาย
โครงการสำคัญ
การฝึกอบรมด้านสิทธิมนุษยชนปี 2566
ไทยเบฟให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมหลักการ ดังกล่าวทั่วทั้งองค์กร ในปี 2566 บริษัทจัดการฝึกอบรมสำหรับ ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักทั้งในและต่างประเทศ โดยครอบคลุม ทั้งบุคลากรระดับผู้บริหารระดับสูงและระดับกลาง ตัวแทนจากแผนกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ตัวแทนจากฝ่ายทรัพยากรบุคคล และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการจัดการฝึกอบรม 2 รอบ โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 100 คนจากประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศสกอตแลนด์ เมียนมา เวียดนาม และไทย มีวัตถุประสงค์ ของการฝึกอบรมดังนี้:
  • ทบทวนและปรับปรุงหลักการด้านสิทธิมนุษยชน โดยพิจารณาถึงแนวโน้มระดับโลกและการเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม ให้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องธุรกิจและสิทธิมนุษยชน
  • สร้างความตระหนักรู้ถึงประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางธุรกิจของไทยเบฟ ครอบคลุมถึงความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (DE&I)
  • ให้ความรู้ความเข้าใจเชิงลึกเรื่องกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชน อย่างรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจและห่วงโซ่คุณค่าของไทยเบฟ
  • ดูแลให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของไทยเบฟไม่ให้มีส่วนร่วม ในการละเมิดสิทธิมนุษยชน
โครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยเบฟต่อการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ และการปกป้องสิทธิมนุษยชนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า
โครงการจิตอาสาพัฒนาชุมชน ปีที่ 12
ตลอดปี 2566 ไทยเบฟจัดกิจกรรมอาสาสมัครต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมสิทธิมาตรฐานการครองชีพของชุมชนในชุมชน ใกล้เคียงโดยรอบสถานที่ปฏิบัติงาน โครงการเหล่านี้พิสูจน์ ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของบริษัทในการยกระดับ ความเป็นอยู่ที่ดีของสมาชิกในชุมชนและส่งเสริมความยั่งยืน

ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไทยเบฟจัดกิจกรรมจิตอาสา “ปลูกป่า เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” กิจกรรมนี้นำพาผู้คนจากหลากหลาย ภาคส่วนมาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานจิตอาสาจากบริษัทภายในเครือ นักเรียนจากโรงเรียนในท้องถิ่น และผู้แทนจากหน่วยงาน ภาครัฐ กิจกรรมนี้มีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการ ปลูกต้นไม้หลากหลายชนิด และปลูกฝังให้ทุกคนตระหนักถึง การดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ที่มีอยู่อย่างจำกัด ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง เหล่าอาสาสมัครได้รับความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความสำคัญของการปกป้องผืนป่าอันล้ำค่า

ไทยเบฟยังได้จัดโครงการจิตอาสาอีกโครงการหนึ่งใน จังหวัดปัตตานี โครงการนี้มุ่งเน้นไปที่การปลูกป่าชายเลน ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องพันธุ์สัตว์น้ำและป่าไม้ ด้วยการเสริมสร้างระบบนิเวศป่าชายเลน เหล่าอาสาสมัครช่วย ส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคที่สำคัญแห่งนี้

ในจังหวัดนครปฐม กิจกรรมจิตอาสาเกิดขึ้นในโรงเรียนท้องถิ่น ซึ่งไทยเบฟร่วมงานกับเจ้าหน้าที่และนักเรียนเพื่อสร้าง “โรงเรือน ผักกางมุ้งและแปลงผัก” เพื่อนำมาเป็นอาหารกลางวันให้แก่นักเรียนในโรงเรียน และเมื่อเพียงพอต่อความต้องการสำหรับ เด็กในโรงเรียนแล้วก็จะมีการจำหน่ายเพื่อนำรายได้มาพัฒนา ส่วนอื่น ๆ ของโรงเรียนต่อไป

ในจังหวัดนนทบุรี ไทยเบฟร่วมมือกับชาวบ้านชุมชนวัดโคนอน มหาสวัสดิ์ และตัวแทนภาครัฐเพื่อสร้าง “โรงเรือนการจัดการขยะ” โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นด้วยการแก้ไขปัญหามลพิษของเสีย นอกจากนี้ ไทยเบฟยังจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมแนวทางการจัดการขยะอย่างยั่งยืนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนมีอิสรภาพทางการเงิน โดยเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการที่ครอบคลุม หัวข้อต่าง ๆ เช่น เทคนิคการคัดแยกขยะ การทำไม้กวาด และถังขยะจากขวดพลาสติกรีไซเคิล
เสรีภาพในการสมาคม
พนักงานของไทยเบฟได้รับความคุ้มครองจากคณะกรรมการสวัสดิการ สมาชิกที่ได้รับเลือกจากกลุ่มพนักงานสามารถ เป็นตัวแทนในการเจรจากับบริษัท มีการตั้งคณะกรรมการสวัสดิการจากทุกภาคส่วนธุรกิจที่สำคัญ โดยมีหน้าที่ให้ คำปรึกษา และบริหารจัดการสวัสดิการเพื่อพัฒนาสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการพูดคุยกันอย่างเปิดเผย จริงใจ กระชับความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างบริษัทกับพนักงาน ซึ่งทำให้พนักงานมีแรงจูงใจ และกำลังใจใน การทำงาน