ไทยเบฟคาดหวังให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนในเครือไทยเบฟ รวมถึงกิจการร่วมค้าและความสัมพันธ์ทางธุรกิจรายใหม่
(เช่น ผ่านการควบรวมกิจการ) ตลอดจนคู่ค้าและพันธมิตร
ทางธุรกิจ ให้ความสำคัญกับการเคารพสิทธิมนุษยชนเพื่อสร้างความเท่าเทียมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย และเพื่อให้บรรลุ
เป้าหมายดังกล่าว ไทยเบฟจึงกำหนดให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายปฏิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชนของบริษัทอย่างเคร่งครัด
หลักสิทธิมนุษยชนสากลซึ่งถูกระบุในนโยบายและคำชี้แจง
สิทธิมนุษยชนของบริษัท ได้แก่ การเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด
การบังคับใช้แรงงาน และการใช้แรงงานเด็ก เสรีภาพในการสมาคม ค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกัน สภาพการทำงาน ความปลอดภัย
และสุขภาพในสถานที่ทำงาน ไทยเบฟกำหนดให้คู่ค้าทุกราย
(ทั้งคู่ค้าทางตรงและทางอ้อม) และพันธมิตรทางธุรกิจต้อง
ปฏิบัติตามข้อกำหนดดังกล่าวตามมาตรฐานสูงสุดเท่าที่จะทำได้
แนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของไทยเบฟ
ครอบคลุมประเด็นและข้อกำหนดต่าง ๆ ด้านสิทธิมนุษยชน
ที่พัฒนาขึ้นตามกฎหมาย คู่ค้าทุกรายต้องลงนามและยอมรับ
แนวทางปฏิบัติของจรรยาบรรณนี้ การปฏิเสธและไม่ปฏิบัติตามแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจของไทยเบฟ
จะส่งผลให้ถูกปฏิเสธและตัดสิทธิ์การเป็นคู่ค้าของไทยเบฟ
ไทยเบฟส่งเสริมให้สถานที่ทำงานสร้างความรู้สึกมีคุณค่าและได้รับความเคารพให้แก่พนักงานทุกคน เปิดรับความหลากหลาย
ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (DE&I) เราปลูกฝังสภาพแวดล้อม
ที่ทุกคนมีโอกาสเท่าเทียมในการพัฒนาและประสบความสำเร็จ
และห้ามเลือกปฏิบัติทุกรูปแบบโดยเด็ดขาด เราตระหนักดีว่าพนักงานที่มีความหลากหลายคือปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อ
ความสำเร็จ ดังนั้นจึงเปิดรับความหลากหลาย ความเท่าเทียม
และการไม่แบ่งแยก เพื่อให้เราสามารถปรับปรุงการมีส่วนร่วมของพนักงาน การรักษาพนักงาน และประสิทธิภาพโดยรวมขององค์กร
เพื่อส่งเสริมการปฏิบัติด้านสิทธิมนุษยชน ไทยเบฟจัดตั้ง
คณะกรรมการสวัสดิการเพื่อสนับสนุนสิทธิเสรีภาพในการสมาคมและการรับเรื่องราวร้องทุกข์ของพนักงาน บริษัทจัดอบรม
เพื่อสื่อสารบทบาทและหน้าที่ของคณะกรรมการสวัสดิการ
ในประเด็นด้านสิทธิและสวัสดิการแรงงาน
ไทยเบฟเริ่มดำเนินกระบวนการตรวจสอบสถานะสิทธิมนุษยชน
ตามหลักการของสหประชาชาติว่าด้วยธุรกิจและสิทธิมนุษยชน (The UN Guiding Principles on Business and Human Rights: UNGP) มาตั้งแต่ปี 2560 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อรายงาน ป้องกัน และบรรเทาผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชนที่เกิดจากธุรกิจของ
ไทยเบฟตลอดห่วงโซ่คุณค่า อีกทั้งเพื่อระบุและประเมินแนวทาง
การจัดการและเยียวยาผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่ได้รับผลกระทบ
การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมกิจกรรม
ทางธุรกิจทั้งหมดของไทยเบฟ โดยจำแนกดังนี้
- ธุรกิจหลัก ได้แก่ การจัดหาการผลิต การจัดจำหน่าย และการขนส่ง
การตลาดและการขาย และการจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค
- หน่วยงานสนับสนุนทางธุรกิจ เช่น กลุ่มงานทรัพยากรบุคคล
นอกจากนี้การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนยังครอบคลุม
คู่ค้าทางตรง (Tier 1 Supplier) และกิจการร่วมค้าโดยไม่มีการควบคุมจากฝ่ายบริหารของไทยเบฟทุกราย
ไทยเบฟประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมคู่ค้า
ทางตรงทั้งหมด รวมถึงบริษัทที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจรายใหม่ (เช่น การร่วมค้า) หากมีกรณีการควบรวมกิจการในอนาคต จะมีการประเมินเพื่อระบุประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่อาจเกิดขึ้น
การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมประเด็น
ที่เกิดขึ้นและอาจเกิดขึ้น ดังนี้
- การบังคับใช้แรงงาน
- การค้ามนุษย์
- การใช้แรงงานเด็ก
- เสรีภาพในการสมาคม
- สิทธิในการเจรจาต่อรองร่วมกัน
- ค่าตอบแทนที่เท่าเทียมกัน
- การเลือกปฏิบัติและการล่วงละเมิด
- สภาพการทำงานและอาชีวอนามัยและความปลอดภัย (OHS)
- ประเด็นที่เกี่ยวข้องอื่น ๆ
การประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนครอบคลุมถึงพนักงานและกลุ่มเสี่ยง ได้แก่
- ผู้หญิง
- เด็ก
- ชนพื้นเมือง
- แรงงานข้ามชาติ
- แรงงานจ้างเหมาบุคคลที่สาม
- ชุมชนท้องถิ่น
- LGBTQI+
- ผู้พิการ
ไทยเบฟได้ระบุประเด็นสำคัญด้านความยั่งยืนในการจัดการห่วงโซ่อุปทาน ตามสาระสำคัญด้านความยั่งยืนของไทยเบฟ ความเสี่ยงเฉพาะในอุตสาหกรรม ตัวชี้วัดด้วยมาตรฐานด้านความยั่งยืน
ซึ่งเป็นที่ยอมรับ ซึ่งสิทธิมนุษยชนเป็นหนึ่งในประเด็นสำคัญ
ซึ่งจะนำไปพิจารณาในการคัดกรองคู่ค้า การประเมินคู่ค้า
และการพัฒนาคู่ค้า ไทยเบฟคัดกรองคู่ค้าที่มีการซื้อขาย (Active Suppliers) ทุกรายโดยใช้หลักการสิทธิมนุษยชนเป็นเกณฑ์
ในการคัดกรอง ไทยเบฟร่วมมือกับคู่ค้าที่มีความเสี่ยงสูงเพื่อ
ดำเนินการแก้ไขร่วมกันอย่างเร่งด่วน โดยสรุปรายละเอียดประเด็นสำคัญที่ต้องปรับปรุงจากผลการประเมินคู่ค้ายังถูกรวมไว้ในกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชนอย่างรอบด้านของไทยเบฟ
อีกด้วย
นอกจากนี้แนวทางปฏิบัติสำหรับพันธมิตรและผู้ค้าร่วมของไทยเบฟ
ยังกล่าวถึงประเด็นด้านสิทธิมนุษยชน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบาย
สิทธิมนุษยชนของไทยเบฟ และนโยบายการไม่เลือกปฏิบัติ
และการต่อต้านการล่วงละเมิดอีกด้วย
ในปี 2566 ไทยเบฟประเมินความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชน
ที่เกี่ยวข้องกับห่วงโซ่คุณค่าและผู้ถือสิทธิ์ โดยระบุประเด็น
ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนไว้สามประเด็น ได้แก่
- สุขภาพและความปลอดภัยของพนักงาน
- สุขภาพและความปลอดภัยของคู่ค้า/ผู้รับเหมา
- มาตรฐานการครองชีพของชุมชน
- อุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน
(เช่น การบาดเจ็บจากเครื่องจักรและอุปกรณ์ การตกจากที่สูง การบาดเจ็บจากวัตถุมีคม)
- การไม่ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย (เช่น การไม่สวมชุด PPE)
- อุบัติเหตุจากการใช้งานเครื่องจักร
ซึ่งอาจทำให้ทุพพลภาพถาวรหรือเสียชีวิต
- สภาพแวดล้อมการทำงานที่อาจทำให้พนักงาน คู่ค้า และผู้รับเหมาเกิดความรู้สึก
ไม่สบาย เช่น แสงสว่าง เสียง สารเคมี
และการระบายอากาศ
อุบัติเหตุจากการขนส่ง (เช่น อุบัติเหตุ
ทางถนน รถล้ม รถชนสิ่งกีดขวาง
รถพลิกคว่ำ)
- สิทธิในการมีชีวิต
- สิทธิที่จะได้รับความยุติธรรมในการทำงาน
- สิทธิในการได้รับค่าครองชีพตามมาตรฐาน
ที่เพียงพอ
- สิทธิด้านสุขภาพ
- สตรี แรงงานข้ามชาติ กลุ่ม LGBTQI+
ผู้พิการ และ (สำหรับคู่ค้า/ผู้รับเหมา)
บุคลากรที่ไม่ได้จัดจ้างโดยกลุ่มบริษัทไทยเบฟ
|
- ความมุ่งมั่นปฏิบัติตามนโยบายสิทธิมนุษยชน
และมาตรฐานระดับสูงด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ การบาดเจ็บ และการเจ็บป่วยจากการทำงาน ตามมาตรฐานด้านสุขภาพและความปลอดภัย (เช่น OHSAS 18001 และ ISO 45001)
- จัดทำนโยบายอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
- วิเคราะห์และลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย
ของงาน (JSA) ขั้นตอนการปฏิบัติงานมาตรฐานความปลอดภัย (SSOP)
- บริหารจัดการพนักงานอย่างเข้มงวดเพื่อให้เป็นไปตามมาตรการความปลอดภัย ได้แก่ การตรวจวัดแอลกอฮอล์ การบำรุงรักษา
ยานพาหนะ และการตรวจสอบจำกัดความเร็วผ่านแอป TOMs
|
- อุบัติเหตุทางถนนจากการขนส่งวัสดุ
หรือพนักงานซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพของชุมชนได้
- การจราจรติดขัดเพิ่มขึ้น
- มลภาวะทางเสียงและกลิ่นอาจรบกวนชุมชนท้องถิ่น
- มลพิษทางอากาศหรือมลพิษของเสีย
จากโรงงาน/สถานประกอบการสามารถ
ส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตของชุมชนได้
- การปนเปื้อนเข้าสู่ทรัพยากรธรรมชาติ
(จากน้ำเสียที่ปล่อยออกมาหรือจากการกำจัดของเสีย) อาจส่งผลกระทบต่อความสามารถในการดำรงชีวิตของคนในชุมชน และส่ง
ผลกระทบต่อรายได้และมาตรฐานการครองชีพ
ของพวกเขา (เช่น น้ำเสียที่ฆ่าพันธุ์สัตว์น้ำ ทำให้ชาวประมงไม่สามารถจับปลาไปขายได้)
- สิทธิในการมีชีวิต
- สิทธิในการได้รับค่าครองชีพตามมาตรฐาน
ที่เพียงพอ
- สิทธิด้านสุขภาพ
- สตรี เด็ก คนพื้นเมือง กลุ่มแรงงานข้ามชาติ กลุ่ม LGBTQI+ ผู้พิการ
|
- ความมุ่งมั่นในนโยบายสิทธิมนุษยชนในการดำเนินโครงการพัฒนาชุมชนและกิจการ
เพื่อสังคมเพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตของชุมชนท้องถิ่น
- การดำเนินธุรกิจให้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เช่น ISO 14001, ISO 45001 และ ISO 50001
- ส่งเสริมวินัยด้านความปลอดภัยบนท้องถนนแก่พนักงาน ด้วยการจัดอบรมและกิจกรรมอื่น ๆ เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุทางถนนในพื้นที่ชุมชน
- แผนสอบสวนอุบัติเหตุ เร่งจัดการการกีดขวาง
ในพื้นที่ที่เกิดอุบัติเหตุทันที เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหารถติดในชุมชน
- ดำเนินการสำรวจชุมชน เพื่อสังเกตและรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับพื้นที่ปฏิบัติการ
ซึ่งจะช่วยป้องกันการละเมิดสิทธิมนุษยชนได้
- มุ่งมั่นบรรลุเป้าหมายการปล่อยมลพิษ
เป็นศูนย์ด้วยการควบคุมการกำจัดของเสียภายใต้หลัก 3Rs (Reduce, Reuse, Recycle)
จัดตั้งหน่วยงานกำกับดูแลด้านสิ่งแวดล้อมของบริษัท
|
ไทยเบฟมุ่งมั่นทบทวนกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชน
อย่างรอบด้าน รวมทั้งรายงานผลการดำเนินงานด้านสิทธิมนุษยชนในรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืนประจำปี หรือในเว็บไซต์ของไทยเบฟ
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายสามารถรายงานการละเมิดสิทธิมนุษยชนผ่านทางโทรศัพท์ 02 785 5555 หรือผ่านช่องทางเว็บไซต์
https://www.thaibev.com (ติดต่อเรา) บริษัทจะติดตามข้อมูลเหล่านี้และจัดทำแผนและดำเนินการแก้ไขที่จำเป็นเพื่อจัดการ
กับปัญหาที่เกิดขึ้น
ในปี 2566 ไทยเบฟได้รับรายงานกรณีล่วงละเมิดสองราย
ซึ่งประกอบด้วยการละเมิดทางวาจาหนึ่งราย และอีกหนึ่งรายประกอบด้วยการละเมิดทั้งทางวาจาและทางกาย บริษัทจัดตั้ง
คณะกรรมการตรวจสอบทางวินัยขึ้นเพื่อสอบสวนทั้งสองเหตุการณ์ดังกล่าวภายใต้แนวทางปฏิบัติและกฎระเบียบของบริษัท โดยคณะกรรมการพบหลักฐานการสัมผัสทางร่างกายหรือ
การสะกดรอยตามในสถานที่หลายแห่ง ซึ่งทำให้เหยื่อรู้สึก
ไม่ปลอดภัยและเป็นทุกข์ ดังนั้น คณะกรรมการวินัยจึงออกคำเตือนอย่างเป็นทางการ โดยอาจมีการยกเลิกสัญญาจ้างหากพบว่ายังคงกระทำพฤติกรรมดังกล่าวอีก บริษัทดำเนินมาตรการเยียวยาต่าง ๆ รวมถึงการเปลี่ยนสถานที่ทำงานให้แก่เหยื่อ การให้คำปรึกษา
อย่างต่อเนื่อง ติดตามผลทางโทรศัพท์และแพลตฟอร์มออนไลน์เป็นประจำ และการเข้าถึงการประเมินทางจิตเวชด้วยการสั่งยา
ต้านความวิตกกังวลตามความเหมาะสม
พื้นที่ปฏิบัติงานของไทยเบฟ รวมถึงบริษัทในเครือและกิจการร่วมค้า (โดยไม่มีการควบคุมจากฝ่ายบริหาร) ทั้งหมดรวม 963 แห่ง
ได้รับการประเมินความเสี่ยงและผลกระทบด้านสิทธิมนุษยชน
ร้อยละ 16.41 ของสถานที่ปฏิบัติงาน (158 แห่งจาก 963 แห่ง)
พบว่ามีความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในประเด็นสำคัญลดลงจาก ร้อยละ 20.83 ในปี 2566
ทั้งหมดของสถานที่ปฏิบัติงานทั้งหมดที่ได้รับการระบุว่ามีความเสี่ยง
ด้านสิทธิมนุษยชนสูง (158 แห่ง) มีมาตรการบรรเทาผลกระทบ
และกระบวนการแก้ไขแล้ว อย่างไรก็ตาม บริษัทมีมาตรการบรรเทาและติดตามความเสี่ยงทุกพื้นที่ปฏิบัติงาน
ไม่มีกิจการร่วมค้าใด (0 จาก 8 กิจการร่วมค้า) ถูกระบุว่ามี
ความเสี่ยงด้านสิทธิมนุษยชนในประเด็นสำคัญสูง อย่างไรก็ตาม บริษัทมีมาตรการบรรเทาและติดตามความเสี่ยงในกิจการร่วมค้า
ทุกแห่ง
พนักงานใหม่ทุกคนได้รับการฝึกอบรมด้านสิทธิมนุษยชน
และผู้เข้าร่วมทุกคนผ่านการทดสอบที่กำหนดโดยองค์กร
ที่ตนเองสังกัด
ไทยเบฟเริ่มดำเนินโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม
ที่ไม่แบ่งแยก ซึ่งพนักงานจากทุกภูมิหลังได้รับโอกาสก้าวหน้าในตำแหน่งการงาน และแสดงความสามารถเฉพาะตัวของตนได้ บริษัทแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างลึกซึ้งในความรับผิดชอบ
ต่อสังคมด้วยการสนับสนุนในกองทุนส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการมาตั้งแต่ปี 2550 และในปี 2566
บริษัทบริจาคเงินเข้ากองทุนแล้วกว่า 53 ล้านบาท ซึ่งส่งผลดีต่อผู้พิการกว่า 400 ราย
นอกจากนี้ ไทยเบฟยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมทางสังคมด้วยการริเริ่มโครงการต่าง ๆ เช่น โครงการ “Massage to Change Lives 2 Plus” ซึ่งเป็นการจ้างหมอนวดผู้พิการทางสายตา
10 คน มาให้บริการนวดผ่อนคลายแก่พนักงานตามสถานที่ต่าง ๆ
โดยมีวัตถุประสงค์หลัก 2 ประการ:
- ลดความไม่เท่าเทียมกันทางสังคม: โดยเปิดโอกาสให้มี
การจ้างงานบุคคลทุพพลภาพที่ยั่งยืน ไทยเบฟส่งเสริม
ให้พวกเขาสามารถพึ่งพาตนเองและเป็นส่วนหนึ่งของสังคม
- เสริมสร้างความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน: การนวดประจำสัปดาห์ช่วยบรรเทาความเครียดและอาการออฟฟิศซินโดรม
ให้กับพนักงาน
โครงการริเริ่มเหล่านี้ได้รับการยอมรับและยกย่องจากมูลนิธินวัตกรรมทางสังคมและภาคีตั้งแต่ปี 2562 โดยบริษัทได้รับ
โล่และเกียรติบัตร จากการใช้โครงการเหล่านี้
ความทุ่มเทของเราต่อ DE&I สะท้อนให้เห็นจากคะแนน
ความผูกพันองค์กรของพนักงานที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ในปี 2566 พนักงานร้อยละ 80 เห็นพ้องกันว่าบริษัทให้
ความสำคัญกับความหลากหลายในสถานที่ทำงาน ทั้งอายุ
เพศ ชาติพันธุ์ ภาษา การศึกษา คุณวุฒิ และมุมมอง ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดเป็นอันดับสามจากการสำรวจข้อมูล 16 มิติ
ซึ่งทำเป็นประจำทุกปี
นอกจากนี้ เมื่อวิเคราะห์คะแนนในกลุ่มต่าง ๆ ทั้งเพศ ช่วงวัย
และระดับพนักงาน จะเห็นความสอดคล้องอย่างชัดเจน
จากคะแนนที่อยู่ในระดับร้อยละ 80 ในทุกกลุ่มบ่งชี้ว่าพนักงานจากภูมิหลังที่หลากหลายภายในบริษัทมีความเห็นว่าบริษัทมีความเปิดกว้างเรื่องการเปิดรับความหลากหลาย
ไทยเบฟให้ความสำคัญกับสิทธิมนุษยชนและส่งเสริมหลักการ
ดังกล่าวทั่วทั้งองค์กร ในปี 2566 บริษัทจัดการฝึกอบรมสำหรับ
ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักทั้งในและต่างประเทศ โดยครอบคลุม
ทั้งบุคลากรระดับผู้บริหารระดับสูงและระดับกลาง ตัวแทนจากแผนกและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรง ตัวแทนจากฝ่ายทรัพยากรบุคคล และหน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งมีการจัดการฝึกอบรม
2 รอบ โดยมีผู้เข้าร่วมประมาณ 100 คนจากประเทศต่าง ๆ รวมถึงประเทศสกอตแลนด์ เมียนมา เวียดนาม และไทย มีวัตถุประสงค์
ของการฝึกอบรมดังนี้:
- ทบทวนและปรับปรุงหลักการด้านสิทธิมนุษยชน โดยพิจารณาถึงแนวโน้มระดับโลกและการเปรียบเทียบกับคู่แข่งในอุตสาหกรรม
ให้ความเข้าใจพื้นฐานเกี่ยวกับแนวคิดเรื่องธุรกิจและสิทธิมนุษยชน
- สร้างความตระหนักรู้ถึงประเด็นด้านสิทธิมนุษยชนที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางธุรกิจของไทยเบฟ ครอบคลุมถึงความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการไม่แบ่งแยก (DE&I)
- ให้ความรู้ความเข้าใจเชิงลึกเรื่องกระบวนการตรวจสอบสิทธิมนุษยชน
อย่างรอบด้านที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินธุรกิจและห่วงโซ่คุณค่าของไทยเบฟ
- ดูแลให้มั่นใจว่าการดำเนินงานของไทยเบฟไม่ให้มีส่วนร่วม
ในการละเมิดสิทธิมนุษยชน
โครงการนี้สะท้อนถึงความมุ่งมั่นของไทยเบฟต่อการดำเนินธุรกิจอย่างรับผิดชอบ และการปกป้องสิทธิมนุษยชนตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า
ตลอดปี 2566 ไทยเบฟจัดกิจกรรมอาสาสมัครต่าง ๆ
เพื่อส่งเสริมสิทธิมาตรฐานการครองชีพของชุมชนในชุมชน
ใกล้เคียงโดยรอบสถานที่ปฏิบัติงาน โครงการเหล่านี้พิสูจน์
ให้เห็นถึงความมุ่งมั่นอย่างแน่วแน่ของบริษัทในการยกระดับ
ความเป็นอยู่ที่ดีของสมาชิกในชุมชนและส่งเสริมความยั่งยืน
ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ไทยเบฟจัดกิจกรรมจิตอาสา “ปลูกป่า
เพื่อสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน” กิจกรรมนี้นำพาผู้คนจากหลากหลาย
ภาคส่วนมาร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็นพนักงานจิตอาสาจากบริษัทภายในเครือ นักเรียนจากโรงเรียนในท้องถิ่น และผู้แทนจากหน่วยงาน
ภาครัฐ กิจกรรมนี้มีเป้าหมายในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวด้วยการ
ปลูกต้นไม้หลากหลายชนิด และปลูกฝังให้ทุกคนตระหนักถึง
การดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้ที่มีอยู่อย่างจำกัด ผ่านการลงมือปฏิบัติจริง เหล่าอาสาสมัครได้รับความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้นเกี่ยวกับความสำคัญของการปกป้องผืนป่าอันล้ำค่า
ไทยเบฟยังได้จัดโครงการจิตอาสาอีกโครงการหนึ่งใน
จังหวัดปัตตานี โครงการนี้มุ่งเน้นไปที่การปลูกป่าชายเลน
ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการปกป้องพันธุ์สัตว์น้ำและป่าไม้
ด้วยการเสริมสร้างระบบนิเวศป่าชายเลน เหล่าอาสาสมัครช่วย
ส่งเสริมความยั่งยืนของสิ่งแวดล้อมในภูมิภาคที่สำคัญแห่งนี้
ในจังหวัดนครปฐม กิจกรรมจิตอาสาเกิดขึ้นในโรงเรียนท้องถิ่น
ซึ่งไทยเบฟร่วมงานกับเจ้าหน้าที่และนักเรียนเพื่อสร้าง “โรงเรือน
ผักกางมุ้งและแปลงผัก” เพื่อนำมาเป็นอาหารกลางวันให้แก่นักเรียนในโรงเรียน และเมื่อเพียงพอต่อความต้องการสำหรับ
เด็กในโรงเรียนแล้วก็จะมีการจำหน่ายเพื่อนำรายได้มาพัฒนา
ส่วนอื่น ๆ ของโรงเรียนต่อไป
ในจังหวัดนนทบุรี ไทยเบฟร่วมมือกับชาวบ้านชุมชนวัดโคนอน
มหาสวัสดิ์ และตัวแทนภาครัฐเพื่อสร้าง “โรงเรือนการจัดการขยะ” โครงการนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อช่วยปรับปรุงคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัยในท้องถิ่นด้วยการแก้ไขปัญหามลพิษของเสีย นอกจากนี้
ไทยเบฟยังจัดประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อส่งเสริมแนวทางการจัดการขยะอย่างยั่งยืนและเสริมสร้างความเข้มแข็งให้ชุมชนมีอิสรภาพทางการเงิน โดยเป็นการประชุมเชิงปฏิบัติการที่ครอบคลุม
หัวข้อต่าง ๆ เช่น เทคนิคการคัดแยกขยะ การทำไม้กวาด
และถังขยะจากขวดพลาสติกรีไซเคิล
พนักงานของไทยเบฟได้รับความคุ้มครองจากคณะกรรมการสวัสดิการ สมาชิกที่ได้รับเลือกจากกลุ่มพนักงานสามารถ
เป็นตัวแทนในการเจรจากับบริษัท มีการตั้งคณะกรรมการสวัสดิการจากทุกภาคส่วนธุรกิจที่สำคัญ โดยมีหน้าที่ให้
คำปรึกษา และบริหารจัดการสวัสดิการเพื่อพัฒนาสวัสดิการอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีการพูดคุยกันอย่างเปิดเผย จริงใจ กระชับความสัมพันธ์และความเข้าใจระหว่างบริษัทกับพนักงาน ซึ่งทำให้พนักงานมีแรงจูงใจ และกำลังใจใน
การทำงาน