GRI 102-12, GRI 102-18, GRI 102-40, GRI 102-42, GRI 102-43, GRI 102-44, GRI 102-46, GRI 102-47, GRI 103-1
กลยุทธ์การพัฒนาสู่ความยั่งยืน
บริษัทไทยเบฟน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของ
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตรมาประยุกต์ใช้เป็นแนวทางปฏิบัติเพื่อพัฒนาความยั่งยืน พร้อมทั้งยึดถือเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
มาใช้เป็นยุทธศาสตร์ในการพัฒนา เพื่อผลักดันให้องค์กรดําเนินงาน
อย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคมและต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
กรอบแนวคิดปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งนำมาใช้ในการวางแผน
และดำเนินการ ประกอบไปด้วยคุณลักษณะ 3 ประการ คือ ความ
พอประมาณ ความมีเหตุผล และมีระบบภูมิคุ้มกันที่ดี หากดำเนิน
ตามหลัก 3 ประการ ควบคู่ไปกับการสร้างความรู้และคุณธรรม
บริษัทจะสามารถดำรงอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนภายใต้กระแส
โลกาภิวัตน์และความเปลี่ยนแปลงต่างๆ
ความพอประมาณ
- ทำตามความสามารถและศักยภาพของตนเอง
- หลีกเลี่ยงความสุดโต่ง
- มีวินัยทางการเงิน
ความมีเหตุผล
- ประเมินเหตุและผลของทุกการกระที่มีต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย
- สร้างคุณค่าที่แท้จริง
มีระบบคุ้มกันที่ดี
- การบริหารจัดการความเสี่ยง
- เตรียมพร้อมเพื่อผกระทบในอนาคตหรือความเปลี่ยนแปลง
ความรู้
- ข้อมูลเชิงลึก
- ความเข้าใจที่ถูกต้อง
- นำความรู้และประสบการณ์มาเชื่อมโยงกัน
- ความซื่อสัตย์
- ความบริสุทธิ์ใจ
- ความอุตสาหะ
- ความมีสติ
- ความอ่อนน้อมถ่อมตน
เศรษฐกิจ
การสร้างคุณค่าทางธุรกิจ
สิ่งแวดล้อม
การจัดการดูแลผลกระทบ
จากธุรกิจ
สังคม
การดูแลและแบ่งปัน
วัฒนธรรม
การอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรม
นอกเหนือจากการประยุกต์ใช้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง บริษัทยังแสดงเจตนารมณ์ในการดำเนินงานตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน 17 ประการขององค์การสหประชาชาติตามที่ได้ระบุไว้ในวาระการพัฒนาที่ยั่งยืน ค.ศ. 2030 โดยนำมาผสานกันเพื่อเป็นแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานของบริษัทในหลายด้าน และช่วยผลักดันการพัฒนาที่ยั่งยืนในระดับประเทศและระดับสากล หลักการทั้งสองยังมุ่งเน้นการใช้ความรู้ ประสบการณ์ และความคิด ในการสร้างความเจริญก้าวหน้าที่มั่นคง ส่งเสริมการลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม และการพัฒนาทรัพยากรบุคคล แต่อย่างไรก็ตามการเจริญเติบโตในทางเศรษฐกิจ จะยั่งยืนได้นั้นต้องอยู่บนพื้นฐานของการดำเนินธุรกิจอย่างมีเหตุผล และ ยึดหลักการบริหารความเสี่ยงที่เหมาะสมเป็นสำคัญ
หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนสอดคล้องกับ วิสัยทัศน์ 2020 ของบริษัทไทยเบฟ โดยมีจุดมุ่งหมายก้าวสู่การเป็น “ผู้นำ ธุรกิจเครื่องดื่มในภูมิภาคอาเซียนอย่างมั่นคงและยั่งยืน” และมุ่งเน้นไปที่ การมีส่วนร่วมและการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียให้ยั่งยืน ไปพร้อมกับการเติบโตขององค์กร
ทั้งนี้บริษัทไทยเบฟเชื่อมั่นว่า กลยุทธ์การพัฒนาสู่ความยั่งยืนที่มีรากฐานสำคัญมาจากการน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ จะเสริมสร้างความเจริญก้าวหน้า ที่สมดุลให้แก่บริษัทตลอดห่วงโซ่คุณค่า และส่งเสริมให้การดำเนินธุรกิจ เกิดประโยชน์สูงสุดแก่สังคม สิ่งแวดล้อม ตลอดจนผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ขององค์กร
การบริหารจัดการด้านความยั่งยืน
คณะกรรมการพัฒนาความยั่งยืนทางธุรกิจของบริษัทไทยเบฟ
รับผิดชอบในการพิจารณา วางแผน กำหนดนโยบาย และดำเนินการ
ด้านการพัฒนาความยั่งยืนให้สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินงาน
กลยุทธ์ขององค์กรที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริษัทหรือ
คณะกรรมการบริหาร และมีคณะทำงานพัฒนาความอย่างยั่งยืนทางธุรกิจ (Sustainability Development Working Team) เป็นผู้ให้การสนับสนุนคณะกรรมการพัฒนาความยั่งยืนทางธุรกิจ
ซึ่งคณะทำงานพัฒนาความยั่งยืนทางธุรกิจ ประกอบด้วยตัวแทน
จากสายงานต่างๆ มีหน้าที่ในการกำหนดดัชนีชี้วัดประสิทธิภาพ
ด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัยและอาชีวอนามัย กำหนดแผนงาน
สนับสนุน ติดตามการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน สื่อสารกับคณะกรรมการพัฒนาความยั่งยืนทางธุรกิจ รวมถึง
มีส่วนร่วมในขั้นตอนกระบวนการประเมินสาระสำคัญด้านความยั่งยืน
ของบริษัท โดยที่คณะทำงานพัฒนาความอย่างยั่งยืนทางธุรกิจ
ทำหน้าที่ดำเนินการทวนสอบความครบถ้วนของประเด็นสำคัญต่อ
ความยั่งยืนขององค์กร วิเคราะห์และนำเสนอต่อคณะกรรมการ
พัฒนาความยั่งยืนทางธุรกิจเพื่อพิจารณาเห็นชอบ จากนั้นนำเสนอ
ต่อคณะกรรมการบริหารเพื่อพิจารณายืนยันและอนุมัติประเด็นสำคัญ
ด้านความยั่งยืน
ในปี 2560 ไทยเบฟได้รับคัดเลือกให้เป็นสมาชิกในกลุ่มดัชนี
ความยั่งยืนดาวโจนส์ Dow Jones Sustainability Indices (DJSI)
ในกลุ่ม DJSI Emerging Markets ต่อเนื่อง โดยมีคะแนนสูงสุด
เป็นปีที่ 2 ติดต่อกัน และได้รับเลือกให้เป็นสมาชิกกลุ่ม DJSI World
ของกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่ม (Beverages) ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความ
มุ่งมั่นพัฒนาด้านความยั่งยืนที่โดดเด่นทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม
และสิ่งแวดล้อม และมีผลการดำเนินงานที่เทียบเคียงได้กับบริษัทชั้นนำ
ในระดับสากล