หน้าแรก / รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2560 / แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยเบฟ สารจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่


ฐาปน สิริวัฒนภักดี
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่

ผมมีความยินดีที่จะรายงานว่า บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“ไทยเบฟ”) มีความก้าวหน้าในการดำเนินธุรกิจสู่เป้าหมายของ การเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรที่แข็งแกร่งและยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียนภายในปี 2563 และเราได้รับการยอมรับให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Dow Jones Sustainability Index (DJSI) ทั้งในระดับโลกและกลุ่มตลาดเกิดใหม่ โดยหัวข้อการประเมินที่เราได้คะแนนเต็มมีจำนวนเพิ่มขึ้นจากปีก่อนถึงสองเท่า

การที่เราได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่งของ DJSI ในระดับโลกเพียง 1 ปีหลังจากได้รับการยอมรับให้เป็นส่วนหนึ่ง ของกลุ่มตลาดเกิดใหม่ เป็นผลลัพธ์อันน่าประทับใจจากความทุ่มเทอย่างเต็มกำลังเพื่อบรรลุเป้าหมายตาม “วิสัยทัศน์ 2020” ภายใต้ กลยุทธ์หลัก 5 ประการ คือ การเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพ ความหลากหลายของตลาดและผลิตภัณฑ์ ตราสินค้าที่โดนใจ การขายและกระจายสินค้าที่แข็งแกร่ง และความเป็นมืออาชีพ การปรับอันดับดังกล่าวช่วยยกระดับให้ไทยเบฟก้าวขึ้นสู่การเป็นองค์กรระดับสากลที่สร้างการเติบโต ได้อย่างยั่งยืนเพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดให้แก่ผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ความสำเร็จครั้งนี้ไม่เพียงช่วยสร้างกำลังใจให้เรา แต่ยังเป็นแรงผลักดันให้เราทุ่มเทด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและนโยบายความยั่งยืนให้มากยิ่งขึ้น

เรามุ่งมั่นสู่ “การสร้างสรรค์ และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโต” ให้แก่ผู้มีส่วนได้เสียของบริษัท พนักงาน ชุมชนที่เราดำเนินกิจการอยู่ และ ชุมชนอื่นๆ ทั่วประเทศ ผ่านการดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม (Corporate Social Responsibility - CSR) อย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งให้การสนับสนุนโครงการประชารัฐของภาครัฐ

ในส่วนของวิธีการบริหารงานเพื่อสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้มากยิ่งขึ้น ไทยเบฟได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง (Sufficiency Economy Philosophy- SEP) ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้เป็นแนวทาง รวมทั้งได้รับแรงบันดาลใจจากเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ (United Nation’s Sustainable Development Goals – SDGs) ซึ่งแบ่งเป็นสามมิติ ส่วนแรกคือ ด้านเศรษฐกิจ เราเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในระยะยาว มีกรอบด้านการวินัยทางการเงินที่ชัดเจน ส่วนที่สองคือ ด้านสิ่งแวดล้อม เราใช้นโยบายที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมตลอดทั้งห่วงโซ่คุณค่า และส่วนที่สามคือ ด้านสังคม เรามีความมุ่งมั่นในการทำงาน ร่วมกับชุมชนเพื่อช่วยสร้างสรรค์คุณค่าและผลักดันให้เกิดการเติบโต โดยในการดำเนินการทั้งหมดนี้ ไทยเบฟน้อมนำหลักปรัชญา เศรษฐกิจพอเพียงมาใช้เป็นรากฐานเพื่อให้บรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ

ในปี 2560 หนึ่งในกิจกรรมเพื่อสังคมที่สำคัญของไทยเบฟคือการมีส่วนร่วมในโครงการสานพลังประชารัฐของรัฐบาล ซึ่งเป็นการประสานความร่วมมือจากภาครัฐ ภาคเอกชน ภาควิชาการ ภาคประชาสังคม และภาคประชาชน มาร่วมมือกันขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท

ไทยเบฟได้ช่วยสร้างเครือข่ายวิสาหกิจเพื่อสังคมในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ ประกอบด้วย บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคมในแต่ละจังหวัดอีก 76 บริษัท บริษัททั้ง 77 บริษัทนี้จะช่วยชี้แนะแนวทางเพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่ชุมชนใน 3 กลุ่มงาน ได้แก่ เกษตร แปรรูป และท่องเที่ยวโดยชุมชน ผ่าน 5 กระบวนการ ได้แก่ การเข้าถึงปัจจัยการผลิต การสร้างองค์ความรู้ การตลาด การสื่อสารและการรับรู้ และการบริหารจัดการ

การเติบโตร่วมกันเป็นหัวใจของความยั่งยืน ซึ่งในปี 2560 ความทุ่มเทของรัฐบาลได้ช่วยผลักดันเศรษฐกิจฐานรากให้เติบโต ดังจะเห็นได้จากยอดขายผลิตภัณฑ์ชุมชน (OTOP) ที่เพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 23 การพัฒนาเช่นนี้ช่วยให้ชุมชนในแต่ละท้องถิ่นมีคุณภาพชีวิตดีขึ้นและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติภายในปี 2573

ในรายงานฉบับนี้ ไทยเบฟยังคงรายงานตามแนวทางของ Global Reporting Initiative (GRI) ต่อไป โดยมุ่งเน้นด้านเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อม สังคม และศิลปวัฒนธรรม นอกจากนี้ ไทยเบฟยังได้สนับสนุนโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับการลดผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ความเป็นอยู่ที่ดีของชุมชน การกีฬา การสาธารณสุข และการศึกษา ตลอดจนการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม

ไทยเบฟเล็งเห็นโอกาสมากมายในภายภาคหน้า ความสำเร็จของเราที่ผ่านมาช่วยสร้างแรงกระตุ้นให้เราก้าวต่อไปในด้านการดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน และเรายังคงยืนหยัดที่จะสร้างความเป็นเลิศขององค์กรเพื่อเป็นผู้นำธุรกิจเครื่องดื่มครบวงจรที่แข็งแกร่งและยั่งยืนของภูมิภาคอาเซียน ภายในปี 2563

ฐาปน สิริวัฒนภักดี
กรรมการผู้อำนวยการใหญ่


รายงาน
การพัฒนาที่ยั่งยืน 2560