หน้าแรก / สังคม
การส่งเสริมความผาสุกของพนักงาน
ไทยเบฟให้ความสำคัญกับความปลอดภัยและความเป็นอยู่ที่ดีของพนักงาน รวมถึงส่งเสริมความปลอดภัยให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายตามสิทธิขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ไทยเบฟได้จัดทำแนวทางและวางระบบการจัดการด้านความปลอดภัยเพื่อให้มั่นใจว่าไทยเบฟได้ปฏิบัติตามกฎหมาย และมาตรฐานสากลด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อม
ด้านความปลอดภัย
ไทยเบฟได้นำระบบการจัดการความปลอดภัยคุณภาพสูงมาใช้ และในขณะนี้โรงงาน 27 แห่งได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 45001 ฝ่ายดูแลความปลอดภัยขององค์กรยังคง ดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยในโรงงานทุกแห่งเป็นระยะ ทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ

ไทยเบฟได้จัดตั้งคลินิกความปลอดภัยร่วมกับทีมอาสาสมัคร เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยภายในองค์กร มีช่องทาง เพื่อสื่อสารเกี่ยวกับความปลอดภัยและชีวอนามัย (OHS) ผ่านระบบการร้องเรียนทางเอกสาร โทรศัพท์ และอีเมล และแอปพลิเคชัน LINE
ด้านอาชีวอนามัย
  • ความใส่ใจ: จัดให้มีบริการทางการแพทย์และพยาบาลในสถานที่ทำงาน และจัดทำข้อตกลงกับโรงพยาบาลใกล้เคียงเพื่อให้การรักษาพนักงานได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
  • การป้องกัน: สนับสนุนให้พนักงานป้องกันการเจ็บป่วย เช่น การให้วัคซีนประจำปี
  • การรักษา: สนับสนุนค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอกสำหรับพนักงาน นอกเหนือจากเงินสมทบประกันสังคมที่บริษัทจ่ายให้ตามกฎหมาย ไทยเบฟยังจัดให้มีประกันอุบัติเหตุ และประกันการเจ็บป่วยสำหรับผู้ป่วยในให้กับพนักงานทุกคน
  • ตรวจสุขภาพ: จัดให้มีการตรวจสุขภาพประจำปีสำหรับพนักงานทุกคน
  • ด้านการศึกษา: จัดหาสื่อการศึกษาและฝึกอบรมเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพทั่วไป รวมถึงออฟฟิศซินโดรมและการลดความเครียดให้แก่พนักงานและสมาชิกในครอบครัว
การทำงานจากที่บ้าน (Work from home)
ไทยเบฟให้ความสำคัญกับการทำงานแบบยืดหยุ่น รวมถึง การทำงานจากที่บ้าน โดยเชื่อว่าตัวเลือกนี้จะช่วยเพิ่มผลผลิต ขวัญกำลังใจ ความคล่องตัวและการทำงานร่วมกันที่บ้าน นอกจากนี้ยังได้จัดให้เกิดการทำงานที่มีประสิทธิภาพจากที่บ้านแก่พนักงานที่มีความพิการซึ่งไม่สามารถเดินทางไปที่ทำงานได้อีกด้วย

ด้านสภาพแวดล้อมในการทำงาน
ไทยเบฟมีชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่นให้กับพนักงานในตำแหน่งงานต่าง ๆ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการบริหารจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิผล สามารถใช้นโยบายชั่วโมงการทำงานที่ยืดหยุ่น เมื่อมีการรับรองจากหัวหน้างานของตน

ตัวเลือกการทำงานไม่เต็มเวลา
ไทยเบฟตระหนักถึงคุณค่าของความรู้และประสบการณ์ของพนักงานอาวุโสหรือผู้ที่เกษียณอายุซึ่งทำงานกับองค์กรมายาวนานหลายปี ตัวเลือกการทำงานแบบไม่ตรงเวลาได้รับการออกแบบให้เหมาะสมกับบุคลากรอาวุโสในฐานะที่ปรึกษาทางธุรกิจ
นโยบายเกี่ยวกับครอบครัว
  • จัดให้มีพื้นที่หรือสนามเด็กเล่นภายในบริเวณโรงงานสำหรับบุตรหลาน พนักงานขณะรอผู้ปกครอง นอกจากนี้ ยังมีห้องให้นมแบบส่วนตัวที่สำนักงานและโรงงานผลิตทุกแห่ง
  • ให้พนักงานหญิงสามารถลาคลอดบุตรได้สูงสุดถึง 100 วัน โดยได้รับค่าจ้าง ซึ่งมากกว่าข้อกำหนดทางกฎหมายของประเทศไทย 10 วัน และในบางกรณี พนักงานอาจขอลาเพิ่มเติม ได้อีก 30 วัน
  • ไทยเบฟอนุญาตให้พนักงานชายลางานเพื่อทําหน้าที่คุณพ่อได้สูงสุด 6 วัน ซึ่งไม่ถือเป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย
Beverest Life
เริ่มในปี 2563 ไทยเบฟได้ดำเนินการตามขั้นตอนการลดการสัมผัส และให้พนักงานทุกคนเช็กอินเข้าทำงานผ่านแอปพลิเคชันมือถือ Beverest Life ซึ่งแอปพลิเคชันนี้จะถูกนำมาใช้ในอนาคต เป็นส่วนหนึ่งของมาตรการ ความปลอดภัยมาตรฐานเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ลดการสัมผัสและลดความเสี่ยงของการแพร่เชื้อโรคโควิด-19
ก้าวสู่ปี 2568 และปีต่อไป

ส่งเสริมวัฒนธรรมความปลอดภัยและขยายกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับ อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ปลอดภัยสำหรับบริษัทในเครือของ ไทยเบฟในภูมิภาคอาเซียน

ตั้งเป้าหมายลดอัตรา การเสียชีวิตเป็น 0

อัตราความถี่การบาดเจ็บ จนถึงขั้นหยุดงาน (LTIFR) ของพนักงานเท่ากับ 1.36

อัตราความถี่การบาดเจ็บจนถึงขั้นหยุดงาน (LTIFR) ของผู้รับเหมาเท่ากับ 1.0

ซึ่งการลดลงนี้สอดคล้อง กับเป้าหมายของบริษัท ในการบรรลุ LTIFR ที่ต่ำกว่า 1.0 ภายในปี 2568
ความมุ่งมั่นและความสำเร็จ
  • สถานประกอบการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัยและสภาพแวดล้อมในการทำงาน ทั้งรางวัลระดับประเทศ และระดับจังหวัด
  • มาตรฐานการป้องกันและแก้ไขปัญหายาเสพติดในสถานประกอบกิจการ
  • รางวัลความเป็นเลิศด้านการรับมือกับโควิด-19
  • ในปี 2565 ไทยเบฟมอบทุนการศึกษา 1,218 ทุน มูลค่ากว่า 7.98 ล้านบาท ให้กับบุตรหลานของพนักงานเพื่อลดภาระทางการเงิน ทั้งนี้ไทยเบฟมอบทุนการศึกษา 13,808 ทุน รวมกว่า 85.9 ล้านบาท เป็นเวลากว่า 13 ปีติดต่อกัน