เพื่อให้คณะกรรมการสรรหาของบริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) (“บริษัท”) สามารถปฏิบัติหน้าที่ตามที่คณะกรรมการบริษัทได้มอบหมายอย่างมีประสิทธิภาพ เป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี สอดคล้องกับข้อกำหนดของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์หรือคณะกรรมการกำกับตลาดทุนและตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศสิงคโปร์ที่บริษัทได้จดทะเบียนเป็นสมาชิกอยู่ (“ตลาดหลักทรัพย์”) รวมทั้งมาตรฐานสากล คณะกรรมการบริษัทจึงเห็นควรกำหนดกฎบัตรคณะกรรมการสรรหาขึ้น เพื่อกำหนดขอบเขตขององค์ประกอบคุณสมบัติ วาระการดำรงตำแหน่ง การประชุม อำนาจ หน้าที่ และความรับผิดชอบของคณะกรรมการสรรหา ดังนี้ 
      1.  องค์ประกอบและคุณสมบัติของคณะกรรมการสรรหา
      ให้คณะกรรมการบริษัทเป็นผู้พิจารณาและแต่งตั้งคณะกรรมการสรรหาและประธานกรรมการสรรหา
        โดยพิจารณาจากบุคคลที่คณะกรรมการบริษัทเห็นว่ามีองค์ประกอบและคุณสมบัติเหมาะสมดังนี้
       1.1	คณะกรรมการสรรหาประกอบด้วยกรรมการบริษัทจำนวนไม่น้อยกว่า 3 คน ซึ่งกรรมการสรรหา
        เกินกว่ากึ่งหนึ่งและประธานกรรมการสรรหาควรเป็นกรรมการอิสระ และในกรณีที่มีการแต่งตั้งหัวหน้ากรรมการอิสระให้หัวหน้ากรรมการอิสระเป็นกรรมการสรรหาด้วย
      1.2	กรรมการสรรหาต้องเป็นบุคคลที่มีความรู้ ความสามารถ และมีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์
        ต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัท มีความซื่อสัตย์ เข้าใจถึงหน้าที่ ความรับผิดชอบของคณะกรรมการสรรหา มีความเป็นกลางในการสรรหา และคัดเลือกบุคคลผู้ที่สมควรได้รับการเสนอชื่อเป็นกรรมการบริษัทหรือผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่ระดับผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ขึ้นไป โดยกรรมการสรรหาต้องมีความเป็นอิสระตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดี รวมถึงมีความรู้ด้านบรรษัทภิบาลและสามารถอุทิศเวลาอย่างเต็มที่ในการปฏิบัติหน้าที่
      1.3	ประธานกรรมการสรรหาควรเป็นบุคคลที่มีความอาวุโส มีความรู้ความสามารถและมีประสบการณ์สูง สามารถผลักดันให้การปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหาเป็นไปอย่างอิสระ มีความเป็นกลางและมีความซื่อสัตย์สุจริต
       2.	วาระการดำรงตำแหน่งและการพ้นจากตำแหน่งของกรรมการสรรหา 
       2.1 กรรมการสรรหามีวาระการดำรงตำแหน่งตามวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการบริษัท
        โดยกรรมการสรรหาที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอาจได้รับการแต่งตั้งจากคณะกรรมการบริษัท
        ให้กลับเข้ามาดำรงตำแหน่งได้อีก 
      2.2	ให้กรรมการสรรหาที่พ้นจากตำแหน่งตามวาระอยู่รักษาการในตำแหน่งเพื่อปฏิบัติหน้าที่ต่อไปจนกว่าจะมีการแต่งตั้งกรรมการบริษัทที่มีคุณสมบัติครบถ้วนมาเป็นกรรมการสรรหาแทน 
      2.3	นอกจากการพ้นจากตำแหน่งตามวาระแล้ว กรรมการสรรหาพ้นจากตำแหน่งเมื่อ
      
(1)	ลาออก
      (2)	ตาย
      (3)	คณะกรรมการบริษัทมีมติให้พ้นจากตำแหน่ง
      
      2.4	กรณีที่ตำแหน่งกรรมการสรรหาว่างลงให้คณะกรรมการบริษัทแต่งตั้งกรรมการบริษัทที่มีคุณสมบัติครบถ้วนเข้าเป็นกรรมการสรรหาแทนโดยเร็ว 
      3.	การประชุมของคณะกรรมการสรรหา
      3.1	คณะกรรมการสรรหาจะต้องจัดให้มีการประชุมไม่น้อยกว่า 2 ครั้งต่อปี โดยกรรมการสรรหาต้องมาประชุมด้วยตนเอง 
      3.2	ในการประชุมคณะกรรมการสรรหาต้องมีกรรมการสรรหาเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของจำนวนกรรมการทั้งหมดจึงจะเป็นองค์ประชุม
      3.3	ในกรณีที่ประธานกรรมการสรรหาไม่อยู่ในที่ประชุมหรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ให้กรรมการสรรหา
        ที่เข้าร่วมประชุมเลือกกรรมการคนหนึ่งเป็นประธานในที่ประชุม
      3.4	การวินิจฉัยชี้ขาดของที่ประชุมคณะกรรมการสรรหาให้ถือเสียงข้างมากของกรรมการสรรหาที่เข้าร่วมประชุม โดยกรรมการสรรหาหนึ่งคนมีเสียงหนึ่งเสียงถ้าคะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมออกเสียงเพิ่มอีกหนึ่งเสียงเป็นเสียงชี้ขาด 
      3.5	กรรมการสรรหาซึ่งมีส่วนได้เสียในเรื่องใดไม่มีสิทธิออกเสียงลงคะแนนในเรื่องนั้น
      3.6	ให้คณะกรรมการสรรหารายงานผลการประชุมในแต่ละครั้งให้คณะกรรมการบริษัททราบ 
      4.	อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการสรรหา
       4.1	พิจารณาโครงสร้างและองค์ประกอบของคณะกรรมการบริษัททั้งในเรื่องของจำนวนกรรมการ
        ที่เหมาะสมกับขนาด ประเภท และความซับซ้อนของธุรกิจ คุณสมบัติของกรรมการแต่ละคนทั้งในด้านการศึกษา ความรู้ ความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ ความชำนาญเฉพาะด้านที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมหลักของบริษัท 
      4.2	พิจารณาคุณสมบัติของบุคคลที่จะมาเป็นกรรมการอิสระให้เหมาะสมกับรูปแบบธุรกิจของบริษัท โดยความเป็นอิสระของกรรมการต้องเป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลกำหนดไว้ รวมตลอดจนถึงเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของตลาดหลักทรัพย์
      4.3	กำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ วิธีการและกระบวนการในการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมจะเป็นกรรมการบริษัทเพื่อเสนอให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติ โดยแนวทางการพิจารณาที่สำคัญรวมถึงประเด็นดังต่อไปนี้
      4.3.1	กรรมการมีคุณสมบัติเป็นไปตามกฎหมายและหลักเกณฑ์ที่หน่วยงานซึ่งมีหน้าที่กำกับดูแลกำหนดไว้ ตลอดจนเป็นไปตามหลักการกำกับดูแลกิจการที่ดีของตลาดหลักทรัพย์
      4.3.2	กรรมการสามารถจัดสรรเวลาให้การปฏิบัติหน้าที่ได้อย่างเหมาะสมและพอเพียง
      4.3.3	กรรมการเป็นที่ยอมรับในด้านมาตรฐานจรรยาบรรณและความน่าเชื่อถือ และสามารถเป็นตัวแทนของบริษัทได้เป็นอย่างดี
      4.3.4	กรรมการมีการศึกษา ความรู้ ความสามารถ ทักษะ ประสบการณ์ ความชำนาญเฉพาะด้าน ที่เป็นประโยชน์และเกี่ยวข้องกับธุรกิจหรืออุตสาหกรรมหลักของบริษัท 
      4.3.5	กรรมการสามารถช่วยส่งเสริมความหลากหลายในคณะกรรมการ อันประกอบด้วย อายุ เพศ การศึกษา ทักษะ ประสบการณ์ ความชำนาญเฉพาะด้าน รวมถึง เชื้อชาติและสัญชาติ 
      4.4	สรรหาและคัดเลือกบุคคลที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่ระดับผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ขึ้นไป ตามกระบวนการสรรหาและหลักเกณฑ์ที่กฎหมายและข้อกำหนดของหน่วยงานกำกับดูแลกำหนดไว้ โดยให้จัดทำเป็น Board Skill Matrix เพื่อช่วยให้การสรรหากรรมการบริษัทและผู้บริหารระดับสูงดังกล่าวมีความสอดคล้องกับทิศทาง
        การดำเนินธุรกิจของบริษัท
      4.5	นำเสนอรายชื่อบุคคลที่ได้รับคัดเลือกเป็นกรรมการบริษัท พร้อมความเห็นและเหตุผลในการคัดเลือก
        ต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาแต่งตั้งหรือเสนอรายชื่อให้ที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาแต่งตั้ง (แล้วแต่กรณี)
      4.6	นำเสนอรายชื่อบุคคลที่ได้รับคัดเลือกเป็นผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่ระดับผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ขึ้นไป พร้อมความเห็นและเหตุผลในการคัดเลือกต่อคณะกรรมการบริษัทเพื่อพิจารณาแต่งตั้ง
      4.7	พิจารณาวาระการดำรงตำแหน่งของกรรมการอิสระและทบทวนความเป็นอิสระของกรรมการอิสระอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี 
      4.8	จัดทำแผนพัฒนาความรู้ความสามารถของกรรมการบริษัท เพื่อพัฒนาศักยภาพของกรรมการบริษัท ทั้งกรรมการบริษัทในปัจจุบันและกรรมการบริษัทที่รับตำแหน่งใหม่เพื่อให้เข้าใจรูปแบบธุรกิจของบริษัทและบทบาทหน้าที่ของกรรมการ 
      4.9	จัดทำแผนการสืบทอดตำแหน่งงาน (Succession plan) ของผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่ระดับ
        ผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ขึ้นไป เพื่อให้การบริหารงานของบริษัทเป็นไปอย่างต่อเนื่อง 
        โดยเตรียมความพร้อมให้กับบุคคลที่มีศักยภาพให้สามารถสืบทอดตำแหน่งงานในกรณีที่ผู้บริหารระดับสูงตั้งแต่ระดับผู้ช่วยกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ขึ้นไป เกษียณอายุ ลาออก หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ 
      4.10	ประเมินผลการปฏิบัติงานของตนเองอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง รวมทั้งประเมินผลการปฏิบัติงานของกรรมการสรรหาเป็นรายบุคคลโดยให้รายงานผลการประเมินให้กับคณะกรรมการบริษัททราบ 
        พร้อมทั้งเปิดเผยหลักเกณฑ์ ขั้นตอน และผลการประเมินในภาพรวมไว้ในรายงานประจำปี
      5.	การทบทวนและปรับปรุงกฎบัตร
      ให้คณะกรรมการสรรหาทบทวนหลักเกณฑ์ที่กำหนดไว้ในกฎบัตรฉบับนี้ทุกปี โดยหากเห็นควรให้ปรับปรุงแก้ไขกฎบัตรเพื่อให้มีหลักเกณฑ์ที่เหมาะสมเป็นไปตามสภาวการณ์ปัจจุบันแล้ว ให้คณะกรรมการสรรหาปรับปรุงแก้ไขกฎบัตรและนำเสนอกฎบัตรฉบับปรับปรุงแก้ไขให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาอนุมัติ
      ตามมติคณะกรรมการบริษัทในการประชุมคณะกรรมการบริษัทครั้งที่ 3/2560 เมื่อวันที่ 11 พฤษภาคม 2560 ได้อนุมัติให้ใช้กฎบัตรคณะกรรมการสรรหาฉบับนี้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 11 พฤษภาคม 2560 เป็นต้นไป