จากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลกในปัจจุบัน รวมถึงการเกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติที่รุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้ราคาพืชผลและผลผลิตทางการเกษตร ตลอดจนรายได้และความเป็นอยู่ของเกษตรกรไทยลดลง ไทยเบฟเล็งเห็นถึงปัญหาดังกล่าว จึงให้ความสำคัญกับการพัฒนาชุมชนและสังคม โดยเน้นให้ความรู้และฝึกฝนอาชีพแก่เกษตรกร พร้อมทั้งสนับสนุนให้ชุมชนช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับภัยพิบัติต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้น ไทยเบฟเดินหน้าขับเคลื่อนการทำงานอย่างต่อเนื่องนานกว่า 15 ปี เพื่อสร้างชุมชนให้เข้มแข็งภายใต้โครงการ “ไทยเบฟร่วมสร้างชุมชนดีมีรอยยิ้ม” โดยร่วมมือกับองค์กรภาคีดำเนินการจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของคนในชุมชน เศรษฐกิจชุมชน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตลอดจนสร้างการเรียนรู้ในกลุ่มเด็ก เยาวชน และกลุ่มผู้ด้อยโอกาสต่าง ๆ
โครงการไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว ได้เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2543 นับเป็น “20 ปีแห่งการส่งต่อไออุ่นที่ยั่งยืน” ด้วยผ้าห่มสีเขียวผืนใหญ่ ปัจจุบันกลายเป็นต้นแบบโครงการเพื่อสังคมที่ดำเนินการอย่างต่อเนื่องมายาวนาน และได้รับความร่วมมือจากกระทรวงมหาดไทย กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย และผู้ว่าราชการจังหวัด ในการรวบรวมข้อมูลผู้ประสบภัยหนาวและจำนวนประชากรผู้ประสบภัยในแต่ละจังหวัด
ทุกปี ผ้าห่มผืนเขียวจำนวน 200,000 ผืน จะถูกนำไปมอบให้ผู้ประสบภัยหนาวในภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และจนถึงปัจจุบันนี้ได้ส่งมอบผ้าห่มไปแล้วถึง 4,000,000 ผืน ครอบคลุมพื้นที่ 45 จังหวัดในประเทศไทย นอกจากนี้ ไทยเบฟยังเปิดโอกาสให้พนักงานและคู่ค้าของไทยเบฟร่วมกิจกรรมซื้อผ้าห่มเพิ่มเติมผ่านกิจกรรม 1 ปัน 1 อุ่น โดยในปี 2562 พนักงานและคู่ค้าของไทยเบฟได้ร่วมสมทบอีกจำนวน 1,000 ผืน ส่งมอบให้นักเรียนผู้ประสบภัยหนาวในจังหวัดอุทัยธานี
เป็นโครงการที่ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 โดยมุ่งหวังที่จะสร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนจำนวนกว่า 3,500 คนที่อยู่ในชุมชนรอบโรงงานและบริษัทในกลุ่มไทยเบฟได้พัฒนาความรู้ ความสามารถด้วยกิจกรรมเสริมทักษะ 3 ด้าน ดังนี้
-
นำผู้ฝึกสอนและวิทยากรจากไทยเบฟ ฟุตบอล อคาเดมี่ มาให้ความรู้และสอนทักษะพื้นฐานให้เยาวชนเหมือนกับการฝึกนักกีฬามืออาชีพ
-
ฝึกสอนโดยวิทยากรจากมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข โดยคัดเลือกโรงเรียนที่มีความสนใจในการพัฒนาวงดุริยางค์และวงดนตรีสากล เพื่อฝึกฝนต่อเนื่องและต่อยอดไปจนถึงสามารถเข้าประกวดในระดับสหวิทยาเขต จำนวน 5 คน และหารายได้เองในอนาคต
-
จัดกิจกรรมสอนศิลปะประดิษฐ์และการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น การทำลูกประคบ จักสานไม้ไผ่ และเขียนไหบ้านเชียง เป็นต้น โดยมีวิทยากรจากชุมชนมาเป็นผู้สอน เพื่อให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ สร้างผลงาน และยังสามารถสร้างรายได้ให้ตัวเองอีกด้วย
ไทยเบฟร่วมมือกับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยน้อมนำหลักการทรงงาน คิดแบบภาพใหญ่ ทำแบบลงในรายละเอียด ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้ เนื่องจากการบริหารจัดการน้ำของประเทศซึ่งต้องมองภาพรวมทั้งประเทศให้เป็นระบบภาพใหญ่ โดยมีพื้นที่เก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่เชื่อมโยงเข้าหากัน แต่เพราะเราไม่สามารถทำทั้งหมดไปพร้อมกันได้ จึงเริ่มต้นที่การบริหารจัดการน้ำระดับชุมชน ใช้กระบวนการเรียนรู้และลงมือทำงานร่วมกับชุมชน โดยให้ชุมชนเป็นเจ้าของและสนับสนุนการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้ชุมชนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น
ไทยเบฟได้ร่วมดำเนินงานในพื้นที่ชุมชนบ้านหนองปิ้งไก่ ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร แก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งและน้ำหลากในช่วงฤดูฝน โดยการฟื้นฟู ขุดลอกคลองเต่าใต้ และจัดทำโครงสร้างทางน้ำระยะทาง 3,100 เมตร เพื่อลดความแรงของน้ำในฤดูน้ำหลาก และปรับปรุงฝายเดิมเพื่อเพิ่มแหล่งกักเก็บ สำรองน้ำ และส่งน้ำไปยังพื้นที่การเกษตรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและทั่วถึง โดยชุมชนร่วมกันวางกฎกติกาการใช้น้ำ วิธีการแบ่งสันน้ำ และมีการบริหารจัดการน้ำในรูปแบบคณะอนุกรรมการกลุ่มอย่างเป็นระบบ ซึ่งมีพื้นที่การเกษตรได้รับผลประโยชน์ 9,564 ไร่ 588 ครัวเรือน ครอบคลุม 4 หมู่บ้าน
จากผลกระทบของป่าที่เสื่อมสภาพ ขาดสมดุลทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากวิถีชีวิตของชุมชนที่อาศัยอยู่บนภูเขาสูงที่ต้องเลือกปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่ใช้น้ำเพียงช่วงฤดูฝนและต้องการการดูแลที่ไม่มากนัก รวมถึงปัญหาการแผ้วถางเผาทำลายป่า การใช้สารเคมีจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ไทยเบฟจึงได้ร่วมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ นำรูปแบบการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ มาประยุกต์และปรับใช้ในการพัฒนาพื้นที่ที่จังหวัดน่าน เพื่อเป็นการฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร และสร้างคน สร้างป่า พัฒนาคุณภาพชีวิต โดยคัดเลือกเกษตรกรในหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่เป้าหมายของโครงการ 2 แห่ง คือ หมู่บ้านศรีนาป่าน อำเภอเมืองน่าน และหมู่บ้านน้ำปูน อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน จำนวน 217 ราย โดยนำองค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ด้านการเกษตร การปศุสัตว์ และการประมง เพื่อให้ชุมชนได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงนำชุมชนศึกษาดูงานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ จังหวัดเชียงใหม่ แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทในพื้นที่ของตนเอง
นอกจากนี้ยังมอบปัจจัยการผลิต เช่น หมู ไก่ กบ ปลาดุก ปลานิล ให้แก่เกษตรกรได้นำไปพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมกับส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าไม้ สิ่งแวดล้อมโดยการเพาะต้นกล้า การปลูกป่า และการทำฝายชะลอความชุ่มชื้น เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันโครงการได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 5 โดยไทยเบฟได้ติดตามความก้าวหน้าของเกษตรกรอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ จากการสำรวจล่าสุดพบว่า เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มีอาหารรับประทานและจำหน่ายสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง เดือนละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อครอบครัว และได้ผืนป่ากลับคืนมา 3 ไร่ต่อเกษตรกร 1 รายที่ร่วมโครงการ
เพื่อส่งเสริมนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ต้องการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นที่เขาสูงชันที่เสื่อมสภาพหรือเขาห้วโล้น ในพื้นที่เป้าหมายหรือพื้นที่นำร่องใน 13 จังหวัด คือ เชียงใหม่ น่าน เชียงราย ตาก แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ ลำปาง ลำพูน และเลย ให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ไทยเบฟจึงได้อาสาเข้าร่วมฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นที่จังหวัดตาก ที่หมู่บ้านศรีคีรีรักษ์ ตำบลเชียงทอง อำเภอวังเจ้า ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีประชากร 994 คน 189 ครัวเรือน มีพื้นที่ป่าเสื่อมสภาพจำนวน 157.38 ไร่ โดยร่วมกันปลูกและดูแลต้นกล้า อีกทั้งนำพืชเศรษฐกิจหลายชนิดที่เหมาะสมกับพื้นที่และได้รับอนุญาตมาปลูกสลับกับไม้เบญจพรรณ
นอกจากนี้ยังนำความรู้และปัจจัยการผลิตทั้งด้านเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และการประมง มาส่งเสริมสนับสนุนให้แก่ชุมชนรอบพื้นที่ป่า เช่น การเพาะเห็ด การเลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงไก่เนื้อ การเลี้ยงและเพาะพันธุ์ปลานิลเพื่อโครงการอาหารกลางวันสำหรับนักเรียน ทั้งนี้เพื่อลดรายจ่ายครัวเรือนและเสริมอาชีพให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยในระยะเวลาอีก 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีพื้นที่ป่าสีเขียวมากขึ้น เป็นจำนวนกว่า 50 ไร่
ไทยเบฟสนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้และความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จังหวัดเพชรบุรี ในพื้นที่จำนวน 17 ไร่ ภายใต้โครงการรวมพลังพลิกฟื้นคืนธรรมชาติสู่สิ่งแวดล้อมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ โดยมอบงบประมาณ 2,978,400 บาท และนำคณะผู้บริหารและพนักงานจิตอาสา ในกลุ่มไทยเบฟเข้าไปร่วมกันฟื้นฟูและปลูกป่า ทั้งป่าบกและป่าชายเลน ตลอดระยะเวลา 6 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2563
ในปี 2562 ไทยเบฟดำเนินการดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ที่ปลูกเสริมและต้นไม้เดิมในพื้นที่ทั้งหมด 17 ไร่ โดยใช้ระบบน้ำหยด และใช้รถบรรทุกฉีดน้ำพ่นในพื้นที่ปลูกต้นไม้ที่รถสามารถเข้าถึงได้ ใส่ปุ๋ยคอกมูลวัว ปีละ 3 ครั้ง กำจัดวัชพืช ตัดแต่งกิ่งเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตของต้นไม้ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 แปลง