ทีมงานเครือข่ายอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ซึ่งนำโดยรองกรรมการ
ผู้อำนวยการใหญ่ ผู้บริหารสูงสุด กลุ่มงานทรัพยากรบุคคล
และสมรรถนะองค์กร คือกลุ่มผู้บริหารระดับสูงและเจ้าหน้าที่ในระดับปฏิบัติการจากทุกหน่วยธุรกิจของไทยเบฟ เป็นทีมที่รับผิดชอบ
ในการกำกับดูแลและสร้างมาตรฐานกระบวนการและกิจกรรม
การจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัยของบริษัท ซึ่งรวมถึง
การแยกแยะและวิเคราะห์ถึงอันตรายที่เกี่ยวข้องกับงาน ตลอดจนจัดการประชุมเพื่อหารือและตัดสินใจเกี่ยวกับสุขภาพ ความปลอดภัย
และความเป็นอยู่ของพนักงาน นอกจากนี้ ทีมงานยังให้คำปรึกษากับพนักงานเรื่องการพัฒนา การปฏิบัติ และประเมินกระบวนการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
นอกเหนือจากการสร้างความมั่นใจว่าพนักงานทุกคนทำงาน
ในสภาพแวดล้อมที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพตามกฎหมายและมาตรฐานสากลแล้ว ทีมงานเครือข่ายอาชีวอนามัยและความปลอดภัยยังสนับสนุนการแบ่งปันความรู้ แนวปฏิบัติ และความเชี่ยวชาญ
เพื่อนำไปปรับปรุงการปฏิบัติด้านความปลอดภัยและอาชีวอนามัย
ของบริษัท เป้าหมายระยะยาวคือการสร้างสถานที่ทำงานที่ดีต่อสุขภาพอย่างยั่งยืน
“นโยบายอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กร” ที่ได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการบริษัท เป็นแนวทางด้านสภาพแวดล้อมการทำงานที่ถูกสุขลักษณะและปลอดภัย เป็นแนวทางการปฏิบัติสำหรับ กรรมการ พนักงาน และคนอื่น ๆ ในสถานที่ทำงานของไทยเบฟ นโยบายและคำชี้แจงฉบับเต็มเปิดเผยต่อสาธารณะบนเว็บไซต์ของเรา
ไทยเบฟกำหนดกระบวนการระบุอันตรายในสถานที่ทำงาน
โดยทีมสุขภาพและความปลอดภัยจะทบทวนกระบวนการนี้ปีละครั้ง และดำเนินการประเมินความเสี่ยงเมื่อจำเป็น เช่น หลังจากเหตุการณ์
ที่เกือบเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ ทีมงานมีการประชุมรายสัปดาห์
รายเดือน และรายปี เพื่อหารือและตัดสินใจเรื่องสุขภาพ
ความปลอดภัย และความเป็นอยู่ของพนักงาน ผลการประเมิน
ความเสี่ยงจะถูกเพิ่มเข้าไปในวาระการประชุมเพื่อให้ทีมงานสามารถหาแนวทางแก้ไขและพัฒนาแผนป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เกิดซ้ำขึ้นได้อีก
ไทยเบฟกำหนดกลไกการรายงานโดยไม่เปิดเผยตัวตนเพื่อเปิดโอกาสให้พนักงานสามารถแจ้งข้อกังวลหรือเหตุการณ์ที่มีความเสี่ยงต่อ
การบาดเจ็บหรือการเจ็บป่วย นอกจากนี้ พนักงานทุกคนต้อง
ฝึกอบรมด้านสุขภาพและความปลอดภัยเป็นประจำทุกปี เพื่อเพิ่มความสามารถในการระบุและบรรเทาอันตรายที่อาจเกิดขึ้น ทั้งภายในสถานที่ทำงานและชีวิตส่วนตัว รายงานทั้งหมดจะถูกตรวจสอบ
อย่างละเอียดและนำไปใช้เพื่อปรับปรุงแนวทางปฏิบัติด้านสุขภาพ
และความปลอดภัยของบริษัทต่อไป
สำหรับการระบาดของโรคที่ผ่านมา บริษัทได้เรียนรู้ถึงความสำคัญของการทำงานร่วมกัน การเตรียมพร้อม การปรับตัว และการจัดการในภาวะวิกฤต การร่วมกันกำหนดมาตรการบังคับใช้ เช่น กลยุทธ์
การเว้นระยะห่างทางสังคมและการป้องกันโรค ถือเป็นสิ่งสำคัญ
อย่างยิ่งในการบรรเทาการแพร่กระจายของโรคได้ นอกจากนี้
การเตรียมความพร้อมในการดูแลผู้ป่วยเพื่อเข้ารักษาในโรงพยาบาลอย่างสะดวกยิ่งขึ้น การจัดหาอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล ยา
และเวชภัณฑ์อย่างเพียงพอ นับเป็นสิ่งสำคัญในการปรับตัวให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไป เช่นเดียวกับการจัดเตรียมการทำงาน
ที่บ้านและการประชุมออนไลน์ รวมถึงความสามารถในการจัดการวิกฤตอย่างมีประสิทธิภาพด้วยการจัดหาวัคซีนและการปิดโรงงาน
เพื่อปกป้องการผลิตก็ถือเป็นปัจจัยสำคัญมากไม่แพ้กัน
ไทยเบฟมีเป้าหมายในการควบคุมจัดการและขจัดอันตราย รวมถึง
ลดความเสี่ยงในงานประจำวันและงานที่ไม่ใช่งานประจำ จึงจัดให้มี
การบ่งชี้อันตรายและการประเมินความเสี่ยงปีละหนึ่งครั้งสำหรับ
ทุกกิจกรรม พื้นที่ และการบริการ โดยประเมินความเสี่ยงตาม
ความรุนแรงและโอกาสที่อาจเกิดเหตุ และให้ปฏิบัติตามขั้นตอน
การวิเคราะห์อันตรายเพื่อความปลอดภัยในการทำงาน (Job Safety Analysis: JSA) ตามระบบมาตรฐาน ISO 45001:2018
หลังจากตรวจพบความเสี่ยงจะดำเนินการสร้างแผนลดความเสี่ยง
และกำหนดมาตรฐานวิธีการปฏิบัติงานอย่างปลอดภัย (Safety Standard Operation Procedure: SSOP) โดยคำนึงถึงผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายตลอดห่วงโซ่อุปทาน นอกจากนี้ ไทยเบฟคาดหวัง
ให้คู่ค้าและพันธมิตรทางธุรกิจทุกรายจัดทำแผนบรรเทาผลกระทบ
ในสถานการณ์ฉุกเฉิน เพื่อลดความสูญเสียจากการบาดเจ็บและ
การเสียชีวิตที่อาจเกิดขึ้น ซึ่งต้องปฏิบัติตามกฎหมายและกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด
ไทยเบฟกำหนดให้ผู้ปฏิบัติงานทำงานตามมาตรฐานระบบการจัดการอาชีวอนามัยและความปลอดภัย ISO 45001 และพระราชบัญญัติ
อาชีวอนามัยและความปลอดภัย พ.ศ. 2554
โครงการ OHS มุ่งหวังที่จะจัดให้มีอาชีวอนามัย ความปลอดภัย
และสภาพแวดล้อมในการทำงานที่เหมาะสมสำหรับพนักงานทุกคนที่ทำงานในสถานประกอบการของไทยเบฟ โดยมีหลักปฏิบัติดังต่อไปนี้
- การระบุอันตรายและการประเมินความเสี่ยงต้องกำหนดขอบเขต ระบุขั้นตอนการปฏิบัติงาน ระบุผลกระทบที่สำคัญที่อาจส่งผลต่อบุคคล ชุมชน สิ่งแวดล้อม และทรัพย์สิน ตลอดจนกำหนดมาตรการควบคุมที่เหมาะสม และจัดลำดับความสำคัญของ
- แผนปฏิบัติการเพื่อลดความรุนแรงให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้
- แผนการจัดการเหตุฉุกเฉินและภาวะวิกฤต ไทยเบฟบูรณาการแผนฉุกเฉินและดูแลให้องค์กรเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินและภาวะวิกฤตได้เป็นอย่างดี ตลอดจนป้องกันและลด
ผลกระทบต่อสุขภาพ และความปลอดภัยในการทำงาน
- การตรวจสอบภายในและภายนอก เพื่อประเมินความสำเร็จ
ของการดำเนินงานและความคืบหน้าร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ที่เกี่ยวข้องในการลดความเสี่ยงด้านสุขภาพและความปลอดภัยตามที่ระบุเอาไว้
- การตรวจสอบการบาดเจ็บ การเจ็บป่วย โรคหรือเหตุการณ์
ที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน โดยระบุสาเหตุที่แท้จริงเพื่อนำไปสู่
การปรับปรุงมาตรการควบคุมและป้องกันที่มีประสิทธิภาพต่อไป
- การแต่งตั้งผู้เชี่ยวชาญภายในองค์กรและผู้ฝึกสอนด้าน
ความปลอดภัย เพื่อสนับสนุนโครงการการจัดการความเสี่ยง
จากภัยพิบัติในชุมชน (CBDRM) ซึ่งทำให้มั่นใจว่ามีการฝึกอบรมด้านความปลอดภัยที่มีประสิทธิภาพแก่พนักงานภายในองค์กร
ทุกระดับรวมถึงชุมชนโดยรอบ
- กำหนดมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างด้วยเกณฑ์อาชีวอนามัยและความปลอดภัย เพื่อประเมินความสามารถของคู่ค้าในการปฏิบัติตามมาตรฐานอาชีวอนามัยและความปลอดภัยขององค์กร
เพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐานทางกฎหมายและมาตรฐานภายใน
ไทยเบฟกำหนดแนวทางการบริหารจัดการ ดังนี้

ไทยเบฟนำระบบการจัดการความปลอดภัยคุณภาพสูงมาใช้ ขณะนี้โรงงาน 27 แห่งได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 45001 โดยฝ่ายดูแลความปลอดภัยขององค์กรยังคงดำเนินการตรวจสอบความปลอดภัยในโรงงานทุกแห่งทั้งในและต่างประเทศเป็นระยะ
ไทยเบฟจัดตั้งคลินิกความปลอดภัยร่วมกับทีมอาสาสมัครเพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยภายในองค์กร มีช่องทางสื่อสาร เกี่ยวกับอาชีวอนามัยและความปลอดภัยผ่านระบบการร้องเรียนทางเอกสาร โทรศัพท์และอีเมล เพื่อให้พนักงานทุกคนสามารถร้องเรียนได้ทุกช่องทาง นอกจากนี้ยังสร้างช่องทางการสื่อสารบนแอปพลิเคชัน LINE
ซึ่งพนักงานสามารถรับข้อมูลข่าวสารได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
และสามารถโต้ตอบได้ มีการประเมินประสิทธิภาพของการสื่อสาร
โดยให้กลุ่มเป้าหมายของแต่ละกิจกรรม ทำแบบสอบถามเชิงรุกออนไลน์ เพื่อวัดระดับความเข้าใจก่อนและหลังการทำกิจกรรม
ซึ่งพนักงานทุกคนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี
นอกจากนี้ยังมีการจัดประชุมด้านความปลอดภัยรายเดือน ในแต่ละสถานประกอบการ โดยมีผู้บริหารและพนักงานเข้าร่วมด้วย เพื่อกำหนด
กิจกรรมด้านความปลอดภัย รวมถึงการพิจารณาข้อร้องเรียนหรือ
ข้อเสนอแนะจากพนักงาน คณะกรรมการประชุมจะอภิปรายและกำหนด
มาตรการแก้ไขและติดตามการดำเนินการใด ๆ ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
ไทยเบฟจัดการฝึกอบรมแบบบูรณาการเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ซึ่งรวมไปถึง อบรมดับเพลิงและฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ การฝึกอบรมการทำงานในที่อับอากาศ อบรมทักษะ
การขับรถยก แผนฉุกเฉินในการปฏิบัติการทางรังสี การฝึกอบรม
ในกรณีของเหลวไวไฟหกหล่น แผนฉุกเฉินเพื่อป้องกันน้ำท่วม แผนการเคลื่อนย้ายฉุกเฉินและจัดเก็บกากอุตสาหกรรม แผนฉุกเฉินในกรณีที่เกิดการระเบิดของหม้อไอน้ำ แผนฉุกเฉินในกรณี
ก๊าซคลอรีนรั่วไหล แผนฉุกเฉินในกรณีก๊าซแอมโมเนียรั่วไหล
และแผนฉุกเฉินในกรณีน้ำมันรั่วไหล
ไทยเบฟจัดอบรมภาคบังคับ เช่น ความปลอดภัยจากอัคคีภัย
และความปลอดภัยทางถนนสำหรับพนักงานและผู้ที่เกี่ยวข้อง
การบรรยายสรุปด้านความปลอดภัยรายวันทุกเช้าวันทำงานของโรงงาน การฝึกอบรมมาตรฐานอาชีวอนามัยและความปลอดภัย
ISO 45001 และการฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยในทุกหน่วยธุรกิจ
- ความใส่ใจ
ไทยเบฟดูแลสุขภาพของพนักงานโดยจัดให้มีบริการทางการแพทย์และพยาบาลในสถานที่ทำงาน เพื่อการรักษาพยาบาลและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพ ทีมส่งเสริมความผาสุก
ของพนักงานได้ร่วมมือกับคลินิกชื่อดังเพื่อให้บริการการแพทย์ทางไกล (Telemedicine) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้พนักงานสามารถเข้าถึงการให้คำปรึกษาทางการแพทย์ได้ บริการนี้มี
จุดมุ่งหมายเพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้พนักงานพร้อมทั้ง
รับประกันการรักษาและการดูแลคุณภาพสูง พนักงานประจำ
ทุกคนได้รับความคุ้มครองจากการประกันชีวิต โดยบริษัทจะจ่าย
ค่ารักษาพยาบาลทั้งหมดและค่าชดเชยการบาดเจ็บและทุพพลภาพที่เกี่ยวข้องกับการทำงาน ตามความเหมาะสม
- การป้องกัน
ไทยเบฟบังคับใช้มาตรการครอบคลุมครบทุกด้าน เพื่อบรรเทาอันตรายต่อสุขภาพและการบาดเจ็บที่อาจเกิดขึ้น
โดยกำหนดมาตรฐานที่เข้มงวดเรื่องการใช้งานอุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคล (PPE) พร้อมคำแนะนำในการทำงานทั่วทั้งโรงงาน นอกจากนี้ยังดำเนินการประเมินสุขภาพก่อนการจ้างงานและ
ตรวจสุขภาพประจำปีอย่างละเอียดถี่ถ้วน เพื่อปกป้องสวัสดิภาพของพนักงาน บริษัทระบุความเสี่ยงด้านสุขภาพที่อาจเกิดขึ้นใน
เชิงรุกด้วยการแสดงสัญญาณเตือนอย่างเด่นชัดในพื้นที่อันตราย
- การรักษา
นอกจากการเงินสมทบประกันสังคมตามกฎหมายแล้ว ไทยเบฟยังจัดให้มีความคุ้มครองการรักษาพยาบาลที่ครอบคลุมแก่พนักงาน ซึ่งรวมถึงค่ารักษาพยาบาลผู้ป่วยนอก การประกันอุบัติเหตุ และการประกันการเจ็บป่วยของผู้ป่วยใน
- ตรวจสุขภาพ
ไทยเบฟให้บริการตรวจสุขภาพที่มีคุณภาพและ
ค่าใช้จ่ายไม่สูงแก่พนักงานทุกคนทั่วประเทศ พนักงานสามารถ
เข้าถึงรายงานการตรวจสุขภาพ (สูงสุด 5 ปีย้อนหลัง)
ด้วยแอปพลิเคชัน Beverest Life ได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
สำนักบริหารจัดการทรัพย์สินและการบริการ (ASM) ของไทยเบฟ
จัดตั้งทีมวิศวกรรมกลางและโครงการพิเศษขึ้นในปี 2563 เพื่อดำเนินการตรวจสอบระบบอำนวยความสะดวกในสำนักงานอย่างครอบคลุม ทำให้มั่นใจในความปลอดภัย ประสิทธิภาพ และการปฏิบัติตาม
ข้อกำหนดของพื้นที่สำนักงานของไทยเบฟ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่ถูกสุขลักษณะ มีประสิทธิภาพ และสร้างความสบายใจสำหรับพนักงานทุกคน
การตรวจสอบครอบคลุมพื้นที่ต่าง ๆ เช่น ระบบไฟฟ้า ประปา
เครื่องปรับอากาศ สุขาภิบาล การป้องกันอัคคีภัย ระบบวิศวกรรมอื่น ๆ
รวมถึงภาพลักษณ์ทางสถาปัตยกรรม และการบริหารจัดการระบบวิศวกรรมอาคาร ทีมงานยังให้คำปรึกษาด้านวิศวกรรม การจัดการความปลอดภัยและอาชีวอนามัย การจัดการพลังงานและการจัดการขยะ การประสานงานโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที การสนับสนุนบริการสำนักงาน และการติดตั้งสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า
ไทยเบฟเชื่อว่าการทำงานที่บ้านในบางโอกาสจะช่วยให้ทำงานได้อย่าง
มีประสิทธิภาพ สร้างขวัญกำลังใจ ความคล่องตัว และการทำงาน
ร่วมกัน การทำงานข้ามสายธุรกิจ เพื่อความปลอดภัยและสวัสดิภาพของพนักงาน ท่ามกลางสถานการณ์ที่ไม่เอื้ออำนวย เป็นอันตรายต่อสุขภาพและความปลอดภัยของพนักงานซึ่งรวมถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม
และการระบาดของโรค ไทยเบฟสนับสนุนการทำงานที่บ้านด้วย
การฝึกอบรมพนักงาน จัดหาอุปกรณ์และเครื่องมือที่จำเป็น
รวมถึงการปรับโปรแกรมสุขภาพเพื่อส่งเสริมการออกกำลังกาย
และการจัดการกับความเครียด นอกจากนี้ ไทยเบฟยังจัดให้เกิด
การทำงานที่มีประสิทธิภาพแก่พนักงานซึ่งเป็นบุคคลทุพพลภาพ
ที่ไม่สามารถเดินทางไปทำงานได้อีกด้วย
ไทยเบฟเสนอทางเลือกในการจ้างงานไม่เต็มเวลา โดยกำหนด
ให้พนักงานและหัวหน้างานสามารถกำหนดตารางเวลาและเงื่อนไข
ได้ด้วยตนเอง ซึ่งพนักงานทุกคนสามารถขออนุมัติการทำงาน
ไม่เต็มเวลาผ่านระบบบริหารเวลาในแอปพลิเคชัน Beverest Life
ซึ่งเป็นเรื่องปกติในหมู่พนักงานค้าปลีก เช่น พนักงานที่ QSA (KFC) และร้านอาหารโออิชิ
- ไทยเบฟให้ความสำคัญกับการสร้างสมดุลระหว่างการทำงานและครอบครัว โดยตระหนักว่าครอบครัวมีส่วนสำคัญต่อประสิทธิภาพการทำงานและขวัญกำลังใจของพนักงาน บริษัทเสนอแนวคิดริเริ่มต่าง ๆ เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมการทำงานที่สนับสนุน
ความสัมพันธ์อันดีภายในครอบครัว ได้แก่:
- จัดให้มีพื้นที่หรือสนามเด็กเล่นในโรงงานสำหรับเด็ก ๆ ที่มากับ
ผู้ปกครองหรือรอผู้ปกครองทำงาน
- มีห้องให้นมบุตรส่วนตัวในสำนักงานและโรงงานผลิตทุกแห่ง
- ขยายสิ่งอำนวยความสะดวกด้านการดูแลเด็กให้ครอบคลุม
ชั้นเรียนและกิจกรรมสันทนาการในช่วงปิดเทอม
- จัดงานวันเด็กประจำปีโดยนำเด็ก ๆ และผู้ปกครองมาทำกิจกรรมพิเศษ ทัศนศึกษา และกิจกรรม CSR
- ไทยเบฟให้ความสำคัญกับพนักงานทุกคนอย่างเท่าเทียม
โดยคำนึงถึงความเหมาะสมของแต่ละเพศ เห็นได้จากนโยบาย
การลาคลอด พนักงานหญิงสามารถลาโดยได้รับค่าจ้างสูงสุดถึง 100 วัน ซึ่งมากกว่าที่กฎหมายกำหนด โดยมารดาเพิ่งคลอดอาจขอลาเพิ่มได้อีก 30 วัน หากจำเป็น บริษัทเชื่อว่ามาตรการเหล่านี้เป็นการส่งเสริมค่านิยมด้านครอบครัว ทั้งยังสนับสนุนสุขภาพ
และความเป็นอยู่ที่ดีของทั้งแม่และเด็ก
- พนักงานชายมีสิทธิ์ลาเพื่อทำหน้าที่พ่อโดยได้รับค่าจ้างเป็นเวลาหกวัน นอกเหนือจากที่กฎหมายในประเทศไทยกำหนดไว้
- ไทยเบฟให้ความสำคัญกับการศึกษาของบุตรพนักงาน
มีการมอบทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนทุกระดับการศึกษาจนถึงมหาวิทยาลัย และจัดการบรรยายให้ความรู้เพื่อเพิ่มโอกาส
ทางการศึกษา เช่น ให้คำแนะนำเกี่ยวกับระบบการศึกษา TCAS
- ในปี 2566 ไทยเบฟมอบทุนการศึกษาจำนวน 1,074 ทุน มูลค่า
7.02 ล้านบาท แก่บุตรพนักงาน เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระทางการเงินของพนักงาน ตลอดระยะเวลา 14 ปีที่ผ่านมา ไทยเบฟมอบทุน
การศึกษารวมทั้งสิ้น 14,880 ทุน มูลค่ารวมกว่า 92.9 ล้านบาท
- บริษัทช่วยเหลือค่าจัดงานศพแก่พนักงาน ในกรณีสมาชิก
ในครอบครัว ได้แก่ บิดามารดาและคู่สมรส ถึงแก่กรรม
จำนวนพนักงานที่ได้รับสิทธิ์ลา
เพื่อเลี้ยงดูบุตร |
14,738 |
9,440 |
จำนวนพนักงานที่ลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร |
190 |
215 |
จำนวนพนักงานที่กลับมาทำงาน
ในรอบระยะเวลาหลังจากสิ้นสุด
การลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร |
189 |
208 |
จำนวนพนักงานที่กลับมาทำงาน
หลังเวลาลาหยุดเลี้ยงดูบุตรสิ้นสุดลง และยังคงทำงานต่อไปเป็นเวลา 12 เดือน |
173 |
192 |
อัตราการกลับเข้าทำงานของพนักงานที่ลาเพื่อเลี้ยงดูบุตร |
99.47% |
96.74% |
อัตราความถี่การ
บาดเจ็บจนถึงขั้น
หยุดงาน (LTIFR)
ของพนักงาน |
2.05 |
บรรลุเป้าหมาย
LTIFR ต่ำกว่า 1.0 ภายในปี 2568 |
การเสียชีวิต
ของพนักงาน |
0 |
0 |
* ไม่รวมการดำเนินงานในเวียดนาม
ตั้งแต่ปี 2563 ไทยเบฟจัดทำแอปพลิเคชัน Beverest Life
ซึ่งรองรับการใช้งานกับอุปกรณ์มือถือทุกรุ่น มีการปรับปรุงข้อมูลข่าวสาร โปรโมชัน ข้อเสนอผลิตภัณฑ์ของบริษัท และสิทธิพิเศษต่าง ๆ ของบริษัทให้ทันสมัยอย่างต่อเนื่อง ยิ่งไปกว่านั้นยังรองรับการ
แจ้งเตือนแบบเรียลไทม์ เกี่ยวกับข่าวสารและกิจกรรมสำคัญ
ในหัวข้อต่าง ๆ เช่น สุขภาพ การเมือง และเหตุฉุกเฉิน
นอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น แอปพลิเคชัน Beverest Life
ยังรองรับกิจกรรมที่เกี่ยวข้องกับทรัพยากรบุคคลดังต่อไปนี้:
- ค่ารักษาพยาบาล:
พนักงานสามารถเบิกค่ารักษาพยาบาล
ผ่านระบบออนไลน์และรับเงินภายในหนึ่งวัน
- E-Pay Slip และ 50BIS:
พนักงานสามารถดูสลิปเงินเดือน
และสามารถดาวน์โหลดเอกสาร 50 ทวิ เพื่อใช้ในการยื่นภาษี
ผ่านระบบออนไลน์
- หนังสือรับรองการทำงาน:
พนักงานสามารถขอหนังสือรับรอง
การทำงาน/หนังสือรับรองเงินเดือนเพื่อใช้ยื่นวีซ่าหรือขอสินเชื่อจากธนาคาร
- การเรียนรู้:
หลักสูตรออนไลน์ผ่านแพลตฟอร์ม รวมถึง PDPA, หลักจรรยาบรรณ, การต่อต้านการเลือกปฏิบัติ และความปลอดภัยทางไซเบอร์ พนักงานสามารถเรียนรู้สิ่งเหล่านี้ซ้ำได้ผ่านระบบออนไลน์
- ตำแหน่งงานภายใน:
สามารถค้นหาและสมัครงานที่เปิดรับภายในผ่านแอปพลิเคชัน ด้วยฟังก์ชันคัดกรองงานตามธุรกิจ
ลักษณะงาน ระดับงาน สถานที่ และคำสำคัญ
- การตรวจสุขภาพ:
บุคคลทั่วไปสามารถดูและดาวน์โหลดรายงานการตรวจสุขภาพโดยละเอียดทางออนไลน์
- ระบบการบริหารเวลา (TMS):
การยื่นใบลาทุกประเภท ติดตามการเข้างาน และการขอทำงานล่วงเวลา สามารถทำได้ผ่านระบบออนไลน
- แบบสำรวจความผูกพันองค์กร:
พนักงานทุกคนสามารถทำแบบสำรวจออนไลน์ เพื่อปรับปรุงอัตราการมีส่วนร่วมและความสะดวกในการใช้งาน
- เช็กอินออนไลน์:
บันทึกการเข้างานและออกงานแบบไร้การสัมผัสทุกวันได้ทางออนไลน์ พร้อมการตรวจจับตำแหน่งอัตโนมัติ
ไทยเบฟจัดโครงการฝึกอบรมประจำปีและพิธีเกษียณอายุเพื่อแสดงความขอบคุณต่อพนักงานเกษียณอายุที่ทำงานมายาวนาน รวมทั้งแสดงถึงการยอมรับ ความยินดี และการยกย่องอย่างเป็นทางการสำหรับการทำงานและความสำเร็จในบริษัท ทุกคนที่เกี่ยวข้องกับ
ไทยเบฟ โดยเฉพาะกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ และผู้บริหารระดับสูง
ต่างรู้สึกซาบซึ้งในการมีส่วนช่วยของพวกเขา ในปี 2566 โปรแกรมนี้ครอบคลุมเนื้อหาดังต่อไปนี้:
- สิทธิประโยชน์ที่ได้รับจากบริษัท
- สิทธิประโยชน์จากหน่วยงานภาครัฐ เช่น ประกันสังคม
- การบริหารจัดการการออมเพื่อการเกษียณอายุ
- โอกาสในการเชื่อมต่อและแลกเปลี่ยนความรู้ผ่านกลุ่มไลน์กับ
เพื่อนร่วมงานที่เกษียณก่อนหน้านี้ เพื่อเสริมสร้างความเป็นชุมชน
หนึ่งเดียวกัน และการสนับสนุนซึ่งกันและกันในช่วงอายุสำคัญ
ของชีวิต
- การแบ่งปันความรู้แก่พนักงานเรื่องการดูแลสุขภาพกาย
และสุขภาพจิตใจ รวมถึงการออกกำลังกาย โภชนาการ
และการจัดการความเครียด
โดยมีพนักงานอาวุโสจำนวน 419 คน จากบริษัทไทยเบฟและบริษัท
ในเครือทั่วประเทศ 67 แห่งเข้าร่วมโครงการนี้ แม้ว่าโครงการนี้จะมุ่งเป้าไปที่พนักงานใกล้เกษียณอายุ แต่เรายินดีต้อนรับพนักงานทุกวัย
เพราะเราเห็นถึงความสำคัญของการวางแผนเกษียณอายุล่วงหน้า
ปิดท้ายด้วยพิธีอำลาพนักงานเกษียณอายุ พร้อมมอบประกาศนียบัตร
และเข็มกลัดทองคำเป็นที่ระลึกจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
ไทยเบฟส่งเสริมสภาพแวดล้อมการทำงานโดยให้ความสำคัญกับความเป็นอยู่ที่ดีทั้งทางร่างกายและจิตใจของพนักงาน ด้วยตระหนักถึงความสำคัญของความสมดุลระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงาน บริษัทจึงให้ความสำคัญกับการบูรณาการชีวิตและการทำงาน
อย่างกลมกลืนมาโดยตลอด กว่าทศวรรษที่ไทยเบฟสนับสนุนโครงการ “ชมรมพนักงานไทยเบฟ” อย่างจริงจัง โดยจัดสรร
งบประมาณปีละ 300,000 บาท ให้แต่ละชมรมเพื่อทำกิจกรรมร่วมกัน ปัจจุบันไทยเบฟมี 12 ชมรมที่ตอบสนองความสนใจที่หลากหลายของพนักงาน เช่น ฟุตบอล แบดมินตัน วิ่ง จักรยาน เทนนิส กอล์ฟ โบว์ลิ่ง ออฟโรด รักษ์สุขภาพ ถ่ายภาพ ดนตรี และอาเซียน
ไทยเบฟจัดกิจกรรมเพื่อสุขภาพออนไลน์ตลอดทั้งปี
เพื่อเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างพนักงานและองค์กร รวมถึงส่งเสริมสุขภาพของพนักงาน โครงการนี้ครอบคลุมสุขภาพกายและสุขภาพจิต โภชนาการ และการจัดการทางการเงิน รวมถึงจัดการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญจากโรงพยาบาล นักโภชนาการ และสถาบันการเงิน เก้าครั้ง และจัดกิจกรรมการออกกำลังกายประจำอย่างน้อยปีละสองครั้ง (การเดิน วิ่ง และการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ) ตัวอย่างบางส่วนของกิจกรรม ได้แก่
- การให้ความรู้ด้านสุขภาพออนไลน์
หัวข้อการให้ความรู้
ด้านสุขภาพโดยผู้เชี่ยวชาญสำหรับพนักงาน อ้างอิงจากสถิติจากผลการตรวจสุขภาพพนักงาน ปี 2565
- กิจกรรมส่งเสริมการออกกำลังกาย
เลือกประเภทของกิจกรรมออกกำลังกายตามความสนใจ โดยอ้างอิงสถิติจำนวนผู้เข้าร่วมในแต่ละกิจกรรมในปี 2565
- การให้ความรู้ด้านโภชนาการ
ผู้เชี่ยวชาญให้ความรู้
ด้านโภชนาการที่ถูกต้องตามหลักการด้านสุขอนามัย
และสุขภาพ เช่น การเลือกอาหารตามอัตราส่วน 2:1:1
ตามคำแนะนำของสำนักโภชนาการ กรมอนามัย
กระทรวงสาธารณสุข
- ออฟฟิศซินโดรม
ให้ความรู้แก่พนักงาน เพราะพบว่าพนักงานมักนั่งทำงานในอิริยาบถที่ไม่เหมาะสมเป็นเวลานาน ซึ่งเป็นสาเหตุทำให้เจ็บป่วยด้วยโรคนี้
- วันศุกร์ไลฟ์สด
จัดทุกวันศุกร์ เป็นกิจกรรมที่สร้าง
ความสัมพันธ์กับพนักงานด้วยการนำเสนอข้อมูล
ด้านสุขภาพ พร้อมกิจกรรมสนุก ๆ เช่น ตอบคำถามสุขภาพ ผลิตภัณฑ์ของบริษัท และกิจกรรมองค์กร
- ตลาดนัดปันสุข
เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้พนักงาน พนักงานเกษียณอายุ และบริษัทในเครือนำสินค้ามาขาย
ในราคาถูก นอกจากช่วยเพิ่มรายได้ให้พนักงานแล้ว
ยังเป็นสถานที่พบปะ แลกเปลี่ยนความคิดเห็น
และเสริมสร้างความสัมพันธ์ของพนักงาน
- รางวัลเกียรติยศสูงสุด - สถานประกอบกิจการดีเด่น
ด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ระดับประเทศ
ประจำปี 2566 จำนวน 4 โรงงาน
- รางวัลเกียรติยศ - สถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ประจำปี 2566
จำนวน 5 โรงงาน
- สถานประกอบการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์และสวัสดิการแรงงาน ระดับประเทศ ปี 2566 จำนวน 3 โรงงาน
- รางวัลสถานประกอบการดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ปี 2566 ได้แก่ รางวัลแพลทินัม
1 โรงงาน และรางวัลเหรียญทอง 3 โรงงาน
- รางวัลสถานประกอบธุรกิจต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย
อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ประจำปี 2566
ระดับจังหวัด จำนวน 1 โรงงาน
- รางวัลรณรงค์อุบัติเหตุเป็นศูนย์ ปี 2566 (ระดับทองแดง)
จำนวน 2 โรงงาน
- รางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6
- รางวัลสถานประกอบกิจการดีเด่นด้านแรงงานสัมพันธ์
และสวัสดิการแรงงาน ระดับประเทศ ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5
- รางวัลสถานประกอบการปลอดโรคปลอดภัยกายใจเป็นสุข
ระดับประเทศ ประเภทโล่ทอง เป็นปีที่ 1
- รางวัลสถานประกอบกิจการ ที่นำแนวทางปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (Good Labour Practice: GLP)
- รางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยดีเด่น ระดับประเทศ
- เสริมสุข: ISO 45001:2018 และรางวัลรณรงค์อุบัติเหตุเป็นศูนย์ 3 สาขา
-
โออิชิ:
- โรงงานได้รับการรับรองมาตรฐาน ISO 45001 จำนวน 3 แห่ง
- โรงงานได้รับรางวัลอุบัติเหตุเป็นศูนย์
(Zero Accident Awards) 2 แห่ง
- โรงงานได้รับรางวัลสถานประกอบการดีเด่นด้านความปลอดภัยระดับประเทศ ต่อเนื่องเป็นปีที่หก 1 แห่ง
- ลดค่าใช้จ่ายในการจ้างวิทยากรภายนอกด้านความปลอดภัย
ในการทำงานกับสารเคมีอันตรายและการตอบสนองต่อเหตุฉุกเฉินด้านสารเคมีรั่วไหล 4 พื้นที่ และการฝึกซ้อมอพยพหนีไฟ
และการอพยพ 41 พื้นที่
- รางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับประเทศ จำนวน 4 พื้นที่
- รางวัลสถานประกอบกิจการต้นแบบดีเด่นด้านความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ระดับจังหวัด จำนวน 3 พื้นที่
- รางวัลขับเคลื่อนความปลอดภัย อาชีวอนามัย และสภาพแวดล้อมในการทำงาน ในงานที่มีการประสบอันตรายสูง (งานขนส่ง)
จำนวน 5 พื้นที่
- รางวัลเจ้าหน้าที่ความปลอดภัยดีเด่น ระดับประเทศ