หน้าแรก / ด้านสังคม
2562
การพัฒนาด้านการศึกษา
ไทยเบฟได้ให้การสนับสนุนด้านการศึกษาในรูปแบบต่าง ๆ ให้แก่เด็กและเยาวชน ผ่านโครงการหลากหลายรูปแบบ เช่น การสนับสนุนทุนการศึกษา การส่งเสริมความรู้ และทักษะอาชีพ มาอย่างต่อเนื่อง ด้วยมุ่งหวังให้ทุกคนก้าวไปสู่การพัฒนาตนเอง สังคม และประเทศชาติต่อไป อีกทั้งยังให้การสนับสนุนทุนการศึกษาให้กับบุคลากรขององค์กร และบุตรของพนักงาน เพื่อเสริมสร้างความสามารถ และเป็นส่วนหนึ่งในการดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงาน
โครงการทุนการศึกษาบุตรพนักงาน
ไทยเบฟดูแลใส่ใจในชีวิตความเป็นอยู่ของพนักงานและบุตรของพนักงานโดยมอบทุนการศึกษาให้กับบุตรของพนักงานที่มีผลการเรียนดีตั้งแต่ระดับประถมศึกษาจนถึงระดับอุดมศึกษา เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายการศึกษาให้กับครอบครัวพนักงาน ซึ่งจะพิจารณาคัดเลือกผู้รับทุนจากบุตรของพนักงานที่มีเงินเดือนในอัตราระดับปฏิบัติการ มีผลการประเมินการทำงานอยู่ในเกณฑ์ดีขึ้นไป มีความประพฤติดี ส่วนบุตรต้องมีความประพฤติและผลการเรียนที่ดี นอกจากนี้ ไทยเบฟยังได้มอบทุนการศึกษากรณีพิเศษ ภายใต้ชื่อโครงการช้างเผือก เพื่อส่งเสริมการศึกษาในระดับอุดมศึกษาแก่บุตรพนักงานที่มีผลการเรียนดีเป็นพิเศษ โดยไทยเบฟได้มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรพนักงานตั้งแต่ปี 2553 จนถึงปัจจุบัน ปี 2562 เป็นปีที่ 10 รวมทั้งสิ้นมากกว่า 10,300 ทุน รวมเป็นเงินมากกว่า 64 ล้านบาท และในปี 2562 บุตรพนักงานได้รับทุนจำนวน 1,112 ทุน เป็นเงินทั้งสิ้น 6,891,000 บาท

นอกจากมอบทุนการศึกษา ไทยเบฟยังพิจารณารับบุตรของพนักงานที่ได้รับทุนเข้าทำงานในไทยเบฟอีกด้วย ปัจจุบันมีบุตรของพนักงานที่เคยได้รับทุนการศึกษาและเข้าทำงานกับไทยเบฟจำนวน 40 คน แบ่งออกเป็นกลุ่มบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย 10 คน กลุ่มธุรกิจสุรา 12 คน กลุ่มธุรกิจเบียร์ 3 คน กลุ่มการเงินและบัญชี 2 คน กลุ่มธุรกิจต่อเนื่อง 11 คน สำนักตรวจสอบภายใน 1 คน และบริษัทในกลุ่มไทยเบฟจำนวน 1 คน

โครงการผู้นำเพื่อการพัฒนาการศึกษาที่ยั่งยืน (Connext ED)
ไทยเบฟส่งเสริมด้านการศึกษาให้แก่เด็กและเยาวชนในโครงการสานอนคตกาศึกษาไทย (Connext ED) อย่างต่อเนื่องขึ้นปีที่ 3 โดยในปี 2562 ได้ให้ทุนสนับสนุนด้านการศึกษารวมกว่า 25 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนตั้งต้นในการจัดกิจกรรมและโครงการต่าง ๆ โดยมุ่งเน้นโครงการจัดตั้งธุรกิจจำลอง “ทำมาค้าขาย” ให้นักเรียนและนักศึกษาได้ฝึกฝนอาชีพเพื่อพึ่งพาตนเองและแบ่งเบาภาระให้แก่ครอบครัว รวมทั้งจัดกิจกรรมการประกวดโอทอป จูเนียร์ (OTOP Junior) ร่วมกับกรมการพัฒนาชุมชน ให้กับโรงเรียนระดับชั้นประถมศึกษาและมัธยมศึกษาทั่วประเทศกว่า 290 แห่ง นอกจากนี้ยังขยายความร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเพิ่มเป็น 27 แห่งทั่วประเทศ เพื่อให้นักเรียนได้เสริมสร้างทักษะอาชีพ ทักษะชีวิต และปลูกฝังการเป็นคนดี ผ่านการเรียนรู้และลงมือปฏิบัติจริง โดยได้รับความร่วมมือจากเครือข่ายด้านการศึกษา เช่น มหาวิทยาลัย สถานศึกษาในชุมชน รวมทั้งหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง และพนักงานจิตอาสาในองค์กร
  • โครงการจัดตั้งธุรกิจจำลอง “ทำมาค้าขาย”
    ดำเนินงานต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 2 เพื่อตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของการทำมาค้าขายอย่างแท้จริง ผ่านการพัฒนา 1 โครงการต่อ 1 โรงเรียน รวมเป็นจำนวน 290 โครงการ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างทักษะการประกอบธุรกิจขั้นพื้นฐาน ทั้งนี้ไทยเบฟให้ทุนตั้งต้นในการทดลองทำโครงการธุรกิจในโรงเรียนประชารัฐกว่า 290 แห่ง ใน 47 จังหวัด มีนักเรียนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้กว่า 1,000 คน และยังได้รับความร่วมมือจากมหาวิทยาลัยพันธมิตร 27 แห่ง ทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยง มุ่งเน้นให้ความรู้แก่เด็กนักเรียนเรื่องการบริหารการเงินและบัญชีและการต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับผลิตภัณฑ์ เพื่อเตรียมความพร้อมออกสู่ตลาดจริง ภายใต้แนวคิด “พี่ช่วยน้อง” เกิดเป็นกระบวนการสร้างสรรค์และแบ่งปันความรู้ซึ่งกันและกัน สร้างรายได้รวมให้แก่เด็กนักเรียนที่ร่วมโครงการทั้งสิ้นกว่า 9 แสนบาท
  • กิจกรรมการประกวดโอทอป จูเนียร์ (OTOP Junior Contest)
    เป็นหนึ่งในกิจกรรมเด่นภายใต้โครงการจัดตั้งธุรกิจจำลอง “ทำมาค้าขาย” ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกรมการพัฒนาชุมชน กระทรวงมหาดไทย เปิดโอกาสให้กลุ่มนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 ถึงมัธยมศึกษาปีที่ 3 ส่งผลิตภัณฑ์ที่แสดงอัตลักษณ์ท้องถิ่นเข้าร่วมประกวด และเปิดกว้างให้กับนักเรียนทั่วประเทศเข้าร่วมประกวด ถือเป็นการสนับสนุนการเรียนรู้เพื่อก้าวไปสู่การเป็นผู้ประกอบการในอนาคต ตลอด 2 ปีที่ผ่านมามีผู้สนใจเข้าร่วมประกวดมากกว่า 600 กลุ่มจากโรงเรียนทั่วประเทศไทย โดยมี 20 กลุ่มที่ผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศ ได้รับเงินรางวัลรวมมากกว่า 500,000 บาท เพื่อนำไปพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์ของแต่ละกลุ่ม


โอกาสสำหรับเด็กพิเศษ
โครงการธุรกิจจำลอง “ทำมาค้าขาย” ยังครอบคลุมถึง โรงเรียนเด็กพิเศษ 7 แห่ง ใน 6 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย นครสวรรค์ พิษณุโลก อุบลราชธานี และสงขลา โดยให้ความรู้และฝึกฝนเด็กพิเศษจำนวนกว่า 200 คน ให้มีสมาธิและพัฒนากล้ามเนื้อแขนผ่านการทำงานศิลปะภาพนูนต่ำและการประดิษฐ์โคมไฟกะลามะพร้าว โดยมีครูผู้เชี่ยวชาญพาเด็ก ๆ ออกไปเรียนรู้การผลิตจากเจ้าของธุรกิจที่ทำขายจริงอยู่แล้ว และช่วยกันประดิษฐ์สิ่งของ โดยแบ่งงานกันคนละขั้นตอน แล้วนำมาประกอบเข้าด้วยกัน จนสามารถนำออกขายได้จริง ปัจจุบันมีสินค้าที่เด็กพิเศษทำขายได้จริงหลายประเภท เช่น พวงกุญแจ โคมไฟกะลามะพร้าว และยาหม่องสมุนไพร เป็นต้น เด็ก ๆ พิเศษยังได้รับโอกาสเข้าร่วมกิจกรรมประกวดโอทอปจูเนียร์แข่งกับโรงเรียนอื่น ๆ และมีโอกาสได้รับ “รางวัลสร้างแรงบันดาลใจ” เพื่อสร้างแรงบันดาลใจและเกิดความเชื่อมั่นในตนเองอีกด้วย

โครงการโรงเรียนร่วมพัฒนา (Partnership School)
ไทยเบฟร่วมมือกับกระทรวงศึกษาธิการในการขับเคลื่อนการปฏิรูปการศึกษาตามนโยบาย Thailand 4.0 เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมจากภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคส่วนอื่น ๆ ในการบริหารสถานศึกษาและพัฒนาหลักสูตรให้เหมาะกับความต้องการของท้องถิ่นและชุมชน รวมถึงเป็นการเสริมสร้างทักษะให้เด็กในอนาคต โดยในปีการศึกษา 2561 ไทยเบฟเป็นหนึ่งในภาคเอกชนที่เข้าไปมีส่วนร่วมในการบริหารจัดการโรงเรียน 19 แห่ง ใน 13 จังหวัด และในปีการศึกษา 2562 สนับสนุนโรงเรียนเพิ่มเติมอีก 4 แห่งในอีก 2 จังหวัด ซึ่งในปีที่ 2 นี้ ไทยเบฟได้เสริมความเข้มแข็งของโครงการโดยมีแผนที่จะดำเนินการขับเคลื่อนโครงการนี้ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี หรือจนถึงปี 2564

โครงการครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์
ไทยเบฟให้การสนับสนุนโครงการครูเจ้าฟ้ากรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์อย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 7 ตั้งแต่รุ่นที่ 5 จนถึงรุ่นปัจจุบัน ซึ่งมีจำนวนมากกว่า 70 โรงเรียน โดยแบ่งรางวัลออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ รางวัลเพื่อมอบให้กับครูเจ้าฟ้าฯ รุ่นปัจจุบัน และรางวัลสำหรับครูเจ้าฟ้าฯ รุ่นเก่าเพื่อนำไปดำเนินการในโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม โดยในปีนี้ นายสุเทพ เท่งประกิจ ครูโรงเรียนบ้านคลองน้ำใส สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จังหวัดยะลา ครูเจ้าฟ้าฯ รุ่นที่ 5 ได้รับการคัดเลือกให้รับพระราชทาน “รางวัลสมเด็จเจ้าฟ้ามหาจักรี” จากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้แก่ครูผู้สร้างการเปลี่ยนแปลง พัฒนาคุณภาพชีวิตลูกศิษย์เพื่อให้ก้าวหน้าสู่ความสำเร็จในชีวิต อีกทั้งยังมีคุณูปการต่อวงการศึกษา นอกจากนี้โครงการครูเจ้าฟ้าฯ ยังได้สนับสนุนการจัดกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างอาชีพและรายได้แบบพึ่งพาตนเองได้ เช่น งานด้านปศุสัตว์ การเลี้ยงไก่ไข่ และโครงการเพาะเห็ดเพื่อเป็นอาหารกลางวันให้กับนักเรียน และอุปกรณ์ทางด้านการตัดเย็บเพื่อแปรรูปผลิตภัณฑ์ต่อไป ทำให้ชุมชนเกิดแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียง เกิดอาชีพใหม่ในชุมชน มีกองทุนเพื่อการพึ่งพาตนเอง รวมถึงครอบครัวได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน

โครงการเรียนเพิ่มเสริมอาชีพกับไทยเบฟ
ไทยเบฟสนับสนุนโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อมสำหรับชุมชนในถิ่นทุรกันดารที่มีหลากหลายชาติพันธุ์ ต่างภาษา โดยนำแนวคิดแบบพอเพียงมาปรับใช้ในครอบครัว ชุมชน และโรงเรียน เพื่อให้ชุมชนมีอาชีพ มีรายได้ เป็นการวางรากฐานความยั่งยืนที่ดีของชุมชนและลดปัญหาความเหลื่อมล้ำในการเรียนรู้ ซึ่งโครงการนี้ประกอบด้วยการเสริมทักษะอาชีพในด้านต่าง ๆ เช่น ทักษะการตัดเย็บ การทำขนมเบเกอรี่ และการตัดผมชายหญิง โดยเฉพาะความรู้ด้านการตัดผมชายหญิงนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก ในปัจจุบันได้มีการพัฒนาหลักสูตรการตัดผมในโรงเรียนขึ้นและเปิดเป็นร้านตัดผมจำนวน 2 แห่ง ในพื้นที่จังหวัดน่าน บริเวณหมู่บ้านน้ำปูน ตำบลน้ำพาง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน และโรงเรียนบ้านห่างทางหลวง ตำบลบ่อเกลือ อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่าน

โครงการสร้างผู้ประกอบการรุ่นใหม่เพื่อสังคม (Beta Young Entrepreneur)
โครงการเริ่มขึ้นเมื่อปี 2554 เกิดจากการประสานความร่วมมือระหว่างสภาหอการค้าไทย มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และมูลนิธิสิริวัฒนภักดี ด้วยจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมและพัฒนานักศึกษาของวิทยาลัยผู้ประกอบการ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ให้เติบโตเป็นผู้ประกอบการที่มีความรู้ความสามารถ มีศักยภาพ และมีความรับผิดชอบต่อสังคม โดยมีการจัดกิจกรรมหลากหลายเพื่อพัฒนานักศึกษาในด้านธุรกิจควบคู่ไปกับด้านคุณธรรมและจริยธรรม

การส่งเสริมทางด้านธุรกิจ
ไทยเบฟสนับสนุนการทดลองทำธุรกิจในภาคปฏิบัติ โดยนักศึกษาในโครงการจะได้ทำกิจกรรมต่าง ๆ ตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 จนถึงชั้นปีที่ 4 ดังนี้
  • นักศึกษาชั้นปีที่ 1 ฝึกงานกับไทยเบฟ เพื่อเรียนรู้กระบวนการทำงานในรูปแบบบริษัท โดยมีโอกาสสร้างประสบการณ์จากการทำงานจริงและเรียนรู้การทำงานเป็นทีม
  • นักศึกษาชั้นปีที่ 2 เรียนรู้และทดลองทำธุรกิจจริงผ่านการซื้อมาขายไป ซึ่งนักศึกษาที่ผ่านการทำธุรกิจตั้งต้นนี้ บางคนสามารถต่อยอดจนกลายเป็นธุรกิจของตนเอง และสร้างรายได้จนประสบความสำเร็จ
  • นักศึกษาชั้นปีที่ 3 เรียนรู้องค์รวมในการทำธุรกิจจริงผ่านรูปแบบของบริษัทจำลอง ซึ่งนอกจากนักศึกษาจะได้เรียนรู้การทำธุรกิจในด้านต่าง ๆ แล้ว ยังได้เรียนรู้การบริหารจัดการองค์กรอีกด้วย
  • นักศึกษาชั้นปีที่ 4 จะเป็นผู้ฝึกสอนและผู้ให้คำปรึกษาในการทำธุรกิจตั้งต้นและบริษัทจำลองให้กับน้อง ๆ ชั้นปีที่ 2 และปีที่ 3

การส่งเสริมด้านคุณธรรมและจริยธรรม
นอกจากจะพัฒนาให้เป็นผู้ประกอบการที่มีความรู้ ความสามารถ และมีศักยภาพ ยังปลูกฝังและสร้างจิตสำนึกที่ดีให้กับผู้ประกอบการรุ่นใหม่เพื่อลดปัญหาการทุจริตในสังคม โดยให้นักศึกษาในโครงการได้เข้าร่วมทำกิจกรรมที่ทำประโยชน์คืนสู่สังคมกับทางไทยเบฟ เช่น
  • Beta Young รวมตัวร่วมใจต้านภัยหนาวกับไทยเบฟ
  • กิจกรรมจิตอาสาของงานสายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย
  • กิจกรรมที่ทำประโยชน์คืนสู่สังคม จากผลกำไรของการทำบริษัทจำลอง

โครงการ Education Institute Support Activity (EISA)
โครงการ EISA เป็นโครงการที่มุ่งสร้างความสัมพันธ์และความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาในระดับมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยไทยเบฟได้เข้าไปมีส่วนร่วมส่งเสริมและสนับสนุนกิจกรรมมากมายในมหาวิทยาลัยกว่า 50 สถาบัน เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา ทั้งด้านกีฬาและหลักสูตรการเรียนการสอนในชั้นเรียน ช่วยให้นิสิตและนักศึกษามีประสบการณ์ในการทำงานจริงและเตรียมความพร้อมเข้าสู่การทำงานจริงหลังจากจบการศึกษาแล้ว ซึ่งตั้งแต่ พ.ศ. 2559 เป็นต้นมา โครงการ EISA ได้สนับสนุนการจัดตั้งบริษัทจำลองในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ โดยมีนักศึกษาจำนวนกว่า 600 คน จากสถาบันต่าง ๆ เข้าร่วมกิจกรรม

ในรอบปีที่ผ่านมา โครงการ EISA ได้ขยายความร่วมมือไปยังเครือข่ายในภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อเปิดโอกาสให้นักศึกษาได้เข้าร่วมฝึกฝนปฏิบัติงานจริงในกิจกรรมต่าง ๆ ดังนี้
  • ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยกรุงเทพ โดยนำนักศึกษาคณะนิเทศศาสตร์ สาขาการผลิตอีเวนต์และการจัดนิทรรศการและการประชุม จำนวน 50 คน ไปฝึกงานจริงที่ “งานแข่งขันจักรยาน ฮันเดรดพลัส แกรนด์ ไครทีเรียม (100Plus Grand Criterium)” ที่จังหวัดบุรีรัมย์ และ “งานปั่นเมืองเหน่อ” จังหวัดสุพรรณบุรี เปิดโอกาสให้นักศึกษาได้ปฏิบัติงานโดยเป็นทีมงานในการจัดการแข่งขัน พร้อมทั้งมีหน้าที่รับผิดชอบในงานส่วนต่าง ๆ เช่น การจัดการสนาม การถ่ายทอดการแข่งขันทางโทรทัศน์ และทีมจัดนิทรรศการ ซึ่งทำให้นักศึกษาได้รับประสบการณ์จากการประชุม การวางแผน การลงมือปฏิบัติการทำงานร่วมกัน รวมถึงการเรียนรู้การจัดการแข่งขันจากมืออาชีพโดยตรง ทั้งนี้ในส่วนของผลการปฏิบัติงานของนักศึกษาจะนำไปรวมกับการประเมินผลการเรียนของนักศึกษาในช่วงปลายภาคอีกด้วย
  • ร่วมมือกับโครงการหลักสูตรการจัดการออกแบบธุรกิจและเทคโนโลยี หรือ Design, Business & Technology Management: DBTM ของคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์และการผังเมืองมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ เป็นกิจกรรมที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาเข้ามารับโจทย์กรณีศึกษาจากบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) และบริษัท แกรนด์ ยูนิตี้ ดิเวลล็อปเมนท์ จำกัด โดยเริ่มจากการวิเคราะห์แผนงานและการเฝ้าสังเกตการณ์การปฏิบัติงานเพื่อหาปัญหาและความยุ่งยากในการทำงาน จนสามารถหาแนวทางปฏิบัติงานที่มีประสิทธิภาพให้กับองค์กร
  • ร่วมมือกับสถาบันอุดมศึกษาเป็นผู้สนับสนุนหลักในการแข่งขันฟุตบอลอุดมศึกษา ช้าง ยู แชมเปี้ยน คัพ (Chang U Champion Cup) เป็นเวทีให้นักฟุตบอลในระดับอุดมศึกษากว่า 500 คนในแต่ละปีได้แข่งขันเพื่อพัฒนาทักษะก้าวไปสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ และมีความรู้จากการศึกษาในรั้วมหาวิทยาลัยติดตัวไปด้วย
  • จัดทำบริษัทจำลอง (Dummy Business) ในรูปแบบของร้านสะดวกซื้อหรือมินิมาร์ท ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรการเรียนการสอนของคณะบริหารธุรกิจในมหาวิทยาลัยต่าง ๆ เพื่อมุ่งหวังให้เป็นสถานที่แห่งการเรียนรู้ และนักศึกษากว่า 600 คน ได้ลงมือปฏิบัติจริง โดยครอบคลุมสถาบันการศึกษาจำนวน 7 แห่ง

ศูนย์ ซี อาเซียน (C asean)
ศูนย์ ซี อาเซียน (C asean) ภายใต้การบริหารของบริษัท ซี เอ ซี จำกัด เป็นองค์กรวิสาหกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) มุ่งเน้นการสร้างสรรค์สังคมและเป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงและเสริมสร้างศักยภาพในกลุ่มประเทศอาเซียน ครอบคลุมด้านศิลปะ วัฒนธรรม และธุรกิจ โดยมีวิสัยทัศน์องค์กร คือ “Collaboration for the better of ASEAN’s connectivity” หรือ “การสร้างความร่วมมือเพื่อความเชื่อมโยงและการพัฒนาประเทศในกลุ่มอาเซียน” ตลอดปี 2562 ที่ผ่านมา ศูนย์ ซี อาเซียนได้จัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เพื่อผลักดันให้เกิด

1) การพัฒนาอย่างยั่งยืน
จัดกิจกรรมเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนในระดับองค์กร ระดับชุมชน และระดับบุคคล ในรูปแบบของการประชุมสัมมนา การรวบรวมเครือข่ายและส่งเสริมการแก้ปัญหาสังคมผ่านวิสาหกิจเพื่อสังคม
  • ระดับองค์กร
    จัดกิจกรรมงานประชุมสัมมนาการพัฒนาอย่างยั่งยืน “Thailand Corporate Sustainability Symposium #1: Learning from the Leaders” เพื่อเป็นเวทีแสดงวิสัยทัศน์ด้านความยั่งยืนขององค์กรชั้นนำของประเทศไทย 17 บริษัท โดยมีการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และแนวทางการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมและสร้างคุณค่าแก่สังคม เพื่อนำไปสู่ความร่วมมือและการทำโครงการร่วมกันในด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนขององค์กรเอกชนไทยและอาเซียนในอนาคต
  • ระดับชุมชน
    ทำงานร่วมกับบริษัทประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด โดยร่วมกันเป็นเจ้าภาพจัดงานสัมมนา “วิสาหกิจเพื่อสังคม : กลไกสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” (Thailand Sustainability Forum : Fostering Social Enterprises) เพื่อให้สาธารณชนทั้งในระดับประเทศและระดับนานาชาติได้เข้าใจถึงการทำงาน ประสบการณ์ในการจัดตั้ง และการบริหารงานของวิสาหกิจเพื่อสังคม พร้อมทั้งเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ด้านกฎหมายและข้อปฏิบัติต่าง ๆ นอกจากนี้ ในงานยังมีการร่วมลงนามในบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างผู้นำชุมชนย่านกุฎีจีนกับสถาบันนวัตกรรมชุมชนอัจฉริยะ (ISCI) เพื่อจัดตั้ง “วิสาหกิจเพื่อสังคมร่วมใจพัฒนาชุมชนกุฎีจีน” ช่วยให้เกิดการพัฒนาย่านชุมชนกุฎีจีน การบริหารจัดการชุมชนอัจฉริยะ และนำไปสู่ชุมชนที่ยั่งยืน
  • ระดับบุคคล
    ผลิตรายการทีวีเรียลิตี้โชว์ “Win Win WAR Thailand” ซึ่งเป็นรายการประกวดแข่งขันแผนธุรกิจเพื่อค้นหาสุดยอดนักธุรกิจเพื่อสังคม (Social Entrepreneurs) ที่ใช้กลไกทางธุรกิจช่วยแก้ไขปัญหาสังคมหรือสิ่งแวดล้อม สนับสนุนผู้ที่ริเริ่มธุรกิจแบ่งปันให้สามารถสร้างธุรกิจที่มีความสำเร็จได้อย่างเป็นรูปธรรม ในปี 2561 มีผู้ ผ่านการคัดเลือกให้ออกอากาศในรายการจำนวน 100 ทีม และมีเพียง 20 ทีมที่ผ่านเข้ารอบการทดสอบตลาด พร้อมได้รับคำปรึกษาด้านธุรกิจจากผู้เชี่ยวชาญ และรายการ นี้ยังได้รับรางวัลโทรทัศน์ทองคำ ครั้งที่ 33 ประเภทรายการเกมโชว์ดีเด่นอีกด้วย

2) การสร้างความร่วมมือในกลุ่มประเทศอาเซียน
จัดงานสัมมนา Social Business Day 2019 ครั้งที่ 9
โดยเป็นเจ้าภาพร่วมกับศาสตราจารย์ ดร.มูฮัมหมัด ยูนุส นักเศรษฐศาสตร์ชาวบังกลาเทศ เจ้าของรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ ปี 2006 จัดงานสัมมนาระดับภูมิภาคเอเชียภายใต้แนวคิด “Making Money is Happiness, Making Other People Happy is Super Happiness” (การสร้างรายได้คือความสุข แต่การสร้างความสุขให้ผู้อื่นคือความสุขที่แท้จริง) ซึ่งมีผู้ร่วมงานกว่า 1,500 คน จาก 58 ประเทศทั่วโลก จากการร่วมจัดงานสัมมนาครั้งนี้ ทำให้ ซี อาเซียน ได้รับเชิญให้ร่วมเป็นผู้ก่อตั้ง Thailand Corporate Action Tank ในเครือข่ายของยูนุส
ร่วมมือกับสถานทูตสหรัฐอเมริกา จัดงานประชุม Young Southeast Asian Leaders Initiative (YSEALI) Summit
ภายใต้แนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” (Advancing Partnership for Sustainability) โดยมีผู้นำเยาวชนในภูมิภาคอาเซียนจำนวน 150 คน ที่เคยได้เข้าร่วมโครงการ YSEALI ของรัฐบาลสหรัฐฯ เข้าร่วมในการประชุมครั้งนี้ เพื่อเป็นการยกระดับทักษะความเป็นผู้นำและเปิดโอกาสให้ผู้นำรุ่นเยาว์ได้เรียนรู้จากเพื่อนคนรุ่นใหม่ในภูมิภาค และวางแผนเพื่อรับมือกับความท้าทายที่ซับซ้อนด้านการเมือง สังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อมที่ประเทศอาเซียนต่างเผชิญอยู่ นอกจากนี้ยังจัดให้มีการประกวดโครงการด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพื่อนำไปสู่การปฏิบัติจริงในประเทศต่าง ๆ ทั่วภูมิภาคอาเซียน และโครงการที่ได้รับรางวัลจำนวน 3 โครงการ ได้แก่
  • We-Able โครงการฝึกทักษะและจัดหางานให้กับผู้พิการในประเทศฟิลิปปินส์
  • Sex (z) ซึ่งเป็นการจัดทำ Digital Platform ให้ความรู้ที่ถูกต้องในเรื่องเพศศึกษา
  • Identify Identity โครงการพัฒนาทักษะและความเป็นอยู่ของผู้ไร้สัญชาติในมาเลเซีย
ซี อาเซียน คอนโซแนนท์ (C asean Consonant)
วงดนตรีวงแรกของกลุ่มประเทศอาเซียนที่มีการรวมตัวกันของครูเพลงจากทั้ง 10 ประเทศ เพื่อสร้างวงดนตรีที่บรรเลงโดยเครื่องดนตรีประจำชาติของแต่ละประเทศ สามารถถ่ายทอดกลิ่นอายของดนตรีอาเซียนให้มีความสนุกสนานและสอดประสานเป็นหนึ่งเดียว อีกทั้งยังคงเอกลักษณ์ของเพลงแต่ละชาติได้เป็นอย่างดี ในปี 2562 วงดนตรี “ซี อาเซียน คอนโซแนนท์” ได้รับเกียรติให้ร่วมแสดงในการเปิดการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 34 ที่กรุงเทพมหานคร และงานครบรอบ 52 ปีแห่งการสถาปนาอาเซียน พร้อมพิธีเปิดอาคารสำนักเลขาธิการอาเซียนหลังใหม่ ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย

3) การพัฒนาคน
การจัดการอบรม ASEAN Management Development (AMD) 2019
เป็นหลักสูตรอบรมผู้บริหารของกลุ่มบริษัทไทยเบฟที่มีวัตถุประสงค์ในการสร้างความพร้อมให้กับผู้บริหารในการเป็นผู้นำธุรกิจในระดับภูมิภาคอาเซียน ผ่านหลักสูตรเสริมทักษะด้านธุรกิจและด้านการบริหารทีมงานข้ามชาติ รวมถึงการเสริมสร้างประสิทธิภาพการทำงานในยุคดิจิทัล เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนองค์กรให้บรรลุวิสัยทัศน์ 2020 ในปี 2562 มีผู้บริหารเข้าร่วมอบรมในหลักสูตรนี้ จำนวน 28 คน จากประเทศไทย มาเลเซีย เมียนมา และสิงคโปร์
กิจกรรม ASEAN Day Goes to School
เป็นความร่วมมือระหว่างสำนักงานเลขาธิการอาเซียน ไทยเบฟ และ ซี อาเซียน เพื่อส่งเสริมความรู้ความเข้าใจในสาระสำคัญของกลุ่มประเทศอาเซียนให้กับเยาวชนไทย รวมถึงการพัฒนาให้นักเรียนไทยเป็นบุคคลคุณภาพของสมาคมอาเซียนในอนาคต ด้วยแนวคิด “ร่วมมือ ร่วมใจ ก้าวไกล ยั่งยืน” (Enforcing Partnership for Sustainability) โดยในปี 2562 โครงการ ASEAN Day Goes to School ได้คัดเลือกโรงเรียนมัธยมสาธิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ ปทุมวัน เป็นโรงเรียนแรกของประเทศไทยในการเข้าร่วมทำกิจกรรมนี้


ภาพรวมผลการดำเนินงานโครงการพัฒนาการศึกษาในปี 2562

ปี 2562 ไทยเบฟมอบทุนบุตรพนักงานจำนวน
1,112 ทุน
เป็นเงินทั้งสิ้น
6,891,000 บาท

โครงการ OTOP Junior
มีผู้สนใจเข้าร่วมประกวด
มากกว่า 300 กลุ่มทั่วประเทศ จาก 76 จังหวัด

สนับสนุนผู้ประกอบการรุ่นเยาว์ใน 21 จังหวัด 22 โรงเรียน
ให้ความรู้ในด้านพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่อยอด
(โลโก้ บรรจุภัณฑ์ การตลาด จัดกิจกรรมทัศนศึกษา และสนับสนุนเงินรวมกว่า 500,000 บาท)
โครงการทำมาค้าขาย
สร้างรายได้ให้กับโรงเรียน
กว่า 9 แสนบาท ใน 283 ตำบล 137 อำเภอ
47 จังหวัด


สนับสนุนโรงเรียนเด็กพิเศษ
จำนวน 7 โรงเรียน
ใน 6 จังหวัดทั่วประเทศ

โครงการธุรกิจตั้งต้น ภายใต้โครงการ Beta Young Entrepreneur
ทำให้เกิดธุรกิจเพิ่มขึ้นปีละประมาณ 30 ธุรกิจ เพื่อช่วยเสริมสร้างทักษะการเป็นผู้ประกอบการ

ช่วยส่งเสริมทักษะการทำธุรกิจในรูปแบบบริษัท เพิ่มช่องทางการจัดจำหน่ายเครื่องดื่มของไทยเบฟในกิจกรรมตลาดปล่อยของ
ปีละ 6 ครั้ง
โครงการบริษัทจำลอง (EISA)
เป็นสถานที่เรียนรู้และปฏิบัติจริงให้แก่นักศึกษา ที่สนใจในเรื่องการค้าปลีก
กว่า 3,000 คน

รวมถึงนักศึกษาสามารถเข้าถึงสินค้า ด้วยราคาถูกกว่าท้องตลาด
กว่า 2 แสนคนต่อปี
การแข่งขันฟุตบอล ช้าง ยู แชมเปี้ยน คัพ
เป็นเวทีการแข่งขันที่ให้โอกาสแก่นักฟุตบอล ในมหาวิทยาลัยได้พัฒนาทักษะ

เกือบ 600 คนต่อปี จาก 16 สถาบัน
โดยที่ไม่จำเป็นต้องลาออกจากระบบการศึกษา