TH
EN
การพัฒนาที่ยั่งยืน
×
SEARCH
SEARCH
⚲
หน้าแรก
การพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยเบฟ
สิ่งแวดล้อม
สังคม
ธรรมาภิบาลและเศรษฐกิจ
ดาวน์โหลด
รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2563
แนวทางการพัฒนาความยั่งยืนของไทยเบฟ
ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม
แบ่งปันคุณค่าให้คนทั่วโลก
ใส่ใจดูแลบุคลากร ลูกค้า
และผู้บริโภค
รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2563
แนวทางการพัฒนาความยั่งยืนของไทยเบฟ
สารจากกรรมการผู้อำนวยการใหญ่
เกี่ยวกับรายงานฉบับนี้
กระบวนการประเมินสาระสำคัญด้านความยั่งยืน
ตัวเลขชี้วัดประสิทธิภาพในการปฏิบัติงาน
ความสำเร็จด้านความยั่งยืนที่สำคัญในปี 2563
ห่วงโซ่คุณค่าของไทยเบฟ
แนวทางการพัฒนาความยั่งยืนของไทยเบฟ
การมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
การบริหารความเสี่ยง
ความปลอดภัยด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ และการรักษาความมั่นคงปลอดภัยทางด้านไซเบอร์
รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2563
ใส่ใจดูแลสิ่งแวดล้อม
การจัดการดูแลผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
การจัดการด้านสภาพภูมิอากาศ
การจัดการด้านพลังงาน
การพิทักษ์และฟื้นฟูแหล่งน้ำ
การบริหารจัดการของเสีย บรรจุภัณฑ์ และเศรษฐกิจหมุนเวียน
รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2563
แบ่งปันคุณค่าให้คนทั่วโลก
การดูแลและแบ่งปัน การสร้างคุณค่าให้แก่สังคม
การพัฒนาด้านการศึกษา
การพัฒนาด้านสาธารณสุข
การพัฒนาด้านกีฬา
การอนุรักษ์ศิลปะและวัฒนธรรมของชาติ
การพัฒนาชุมชน
โครงการประชารัฐรักสามัคคี
ศูนย์ ซี อาเซียน (C asean)
รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2563
ใส่ใจดูแลบุคลากร ลูกค้า และผู้บริโภค
โอกาสไร้ขีดจำกัด
ความปลอดภัย อาชีวอนามัย สภาพแวดล้อมในการทำงาน และความผาสุกของพนักงาน
สิทธิมนุษยชน
การส่งเสริมสุขภาพและความปลอดภัยของผู้บริโภค
การบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า
การจัดหาอย่างยั่งยืน
การกำกับดูแลองค์กร และจรรยาบรรณในการดำเนินธุรกิจ
การดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายสาธารณะ
การปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงทางกฎหมาย
Close
หน้าแรก
/ รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2563 / แบ่งปันคุณค่าให้คนทั่วโลก
การพัฒนาด้านสาธารณสุข
การสาธารณสุข คือการป้องกันและรักษาโรคเพื่อให้ประชาชนมีสุขภาพแข็งแรงสมบูรณ์ทั้งทางร่างกายและ จิตใจ สังคมที่พลเมืองมีสุขภาพอนามัยดีจะเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาทั้งต่อตัวบุคคล สังคม และประเทศชาติ ทั้งนี้ ไทยเบฟให้ความสำคัญในการสนับสนุนและพัฒนากิจกรรมด้านสาธารณสุขมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งการสนับสนุนกิจกรรม ขององค์กร มูลนิธิ หรือหน่วยงานทางด้านสาธารณสุขต่าง ๆ โดยมุ่งมั่นที่จะบรรลุเป้าหมายให้คนในสังคมมีสุขภาพที่ดี โดยได้มีการกำหนดกลยุทธ์ การมีส่วนร่วมกับภาคีเครือข่ายปัจจุบัน ส่งเสริมการให้ความรู้เรื่องสุขภาพเน้นด้านการป้องกันโรค รวมไปถึงการดูแลสุขภาพของตนเอง สอดคล้องกับเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนของสหประชาชาติ
โรงพยาบาลสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์
โรงพยาบาลชั้นนำของเอเชียที่เปิดดำเนินการตั้งแต่เดือนกันยายน 2555 เพียบพร้อมไปด้วยคณะแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและทีมพยาบาลที่มีประสบการณ์สูงคอยดูแลรักษาผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคไตอย่างครบวงจร รวมไปถึงแผนกอายุรกรรมทั่วไป พร้อมให้บริการทุกวันตลอด 24 ชั่วโมง นอกจากนี้ สถาบันโรคไตยังคงทำการวิจัยและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันการเกิดภาวะไตวายเรื้อรัง รวมทั้งเผยแพร่ความรู้ วิธีการป้องกัน แนะนำแนวทางการรักษาโรคไต และเคล็ดลับการดูแลสุขภาพให้ผู้ป่วยที่มีปัญหาโรคไต ปัจจุบันสถาบันโรคไตมีจำนวน ผู้ป่วยที่มาฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม มากถึง 8,446 ราย และดำเนินการปลูกถ่ายไตสำเร็จเป็น จำนวน 49 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 3/8/63)
ขณะเดียวกันในปี 2563 คณะทีมผู้วิจัยจากสถาบันโรคไตภูมิราชนครินทร์ ได้จัดสัมมนาใหญ่ “พัฒนารูปแบบการดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง” ภายใต้โครงการวิจัยเรื่อง “การศึกษาผลของการให้การดูแลผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังแบบบูรณาการ (integrated care) ในระดับโรงพยาบาลชุมชน” ซึ่งไทยเบฟได้ทำงานร่วมกับโรงพยาบาลสถาบันไตภูมิราชนครินทร์ ในการประชาสัมพันธ์เผยแพร่ความรู้เรื่องการป้องกันการเกิดโรคไตอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่โรงพยาบาลเริ่มเปิดดำเนินการ
มูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์
ไทยเบฟร่วมมือกับมูลนิธิหัวใจแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ในการสนับสนุนและเผยแพร่ความรู้และประชาสัมพันธ์ ภารกิจทั้ง 3 ด้านหลักของมูลนิธิ ได้แก่ 1.การช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน CPR 2.โครงการหลัก 3 อ.ดีต่อใจ (อาหาร อารมณ์ ออกกำลังกาย) และ 3.โครงการกระโดดเชือก ทางเลือกเยาวชน พ้นโรคหัวใจ โดยในปีนี้ได้จัดอบรมการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานให้พนักงานในเครือไทยเบฟเพื่อสามารถเป็นวิทยากรให้ความรู้กับสถานประกอบการ โรงเรียน ชุมชน รวมถึงตั้งให้เป็นทีมเผชิญเหตุฉุกเฉิน เพื่อช่วยเหลือชุมชน โดยในรุ่นแรกมีพนักงานเข้าร่วมอบรม จำนวน 50 คน
ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติม
สถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย
ไทยเบฟร่วมสนับสนุนกิจกรรมต่าง ๆ ของสถาบันการพยาบาลศรีสวรินทิรา สภากาชาดไทย ซึ่งเป็นสถาบันอุดมศึกษาด้านการพยาบาล เปิดสอนหลักสูตรพยาบาล และผู้ช่วยพยาบาล อยู่ภายใต้การดูแลอุปถัมภ์ของสภากาชาดไทย เช่น มอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจากแอลกอฮอล์ให้กับสถาบันจำนวน 500 ลิตร เพื่อใช้ทำความสะอาดและป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 พร้อมทั้งยังร่วมประชุมคณะกรรมการการเงินเป็นประจำทุกเดือนในฐานะกรรมการสถาบันการเงินอีกด้วย
ช้างคลินิกเวชกรรม
ก่อตั้งขึ้นเป็นเวลากว่า 14 ปีเพื่อช่วยเหลือประชาชนด้านการแพทย์ โดยเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่สมาชิกในชุมชนรอบโรงงานเขตจังหวัดกำแพงเพชร และจังหวัดใกล้เคียง ได้มีโอกาสเข้าถึงการรักษาจากสถานพยาบาลที่มีประสิทธิภาพ ภายใต้ปณิธานของ คุณเจริญ-คุณหญิงวรรณา สิริวัฒนภักดี ประธานและรองประธานกรรมการบริษัทฯ ที่ดำริไว้ตั้งแต่เมื่อครั้งก่อตั้งว่า
“คนไทยให้กันได้”
นอกจากนี้ ยังมีหน่วยแพทย์เคลื่อนที่เพื่อช่วยเหลือและให้บริการตรวจรักษาฟรีแก่ประชาชนในพื้นที่ใกล้เคียงอย่างต่อเนื่องเป็นประจำทุกปี โดยในปีที่ผ่านมามีผู้รับบริการจำนวน 1,102 คน
ส่งมอบแอลกอฮอล์ ร่วมต้านวิกฤติโควิด-19
ไทยเบฟเร่งผลิตผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบ (แอลกอฮอล์ 72% และ 95%) เพื่อนำไปมอบให้กับหน่วยงานบริการสาธารณสุข โรงพยาบาลศูนย์ขนาดใหญ่ โรงพยาบาลและศูนย์การแพทย์ในมหาวิทยาลัย โรงพยาบาลในมูลนิธิธรรมาภิบาลทางการแพทย์ และโรงพยาบาลต่าง ๆ 76 จังหวัด ทั่วประเทศ รวมไปถึงหน่วยงานภาครัฐต่าง ๆ ที่ให้บริการและรับผิดชอบในเรื่องการดูแลการป้องกันไวรัสโควิด-19 เช่น สถาบันบำราศนราดูร รพ.ราชวิถี รพ.ศิริราช รพ.จุฬาลงกรณ์ และยังมอบแอลกอฮอล์ให้กับ ศาสนสถาน สถานเอกอัครราชทูตต่างประเทศประจำประเทศไทย กองทัพเรือ กองทัพภาคที่ 1 บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เครือข่ายประชารัฐ และเครือข่ายภาคประชาสังคมต่าง ๆ รวมถึงสถาบันการศึกษาทั่วประเทศที่อยู่ในเครือข่ายของบริษัท รวม 470 แห่ง
นอกจากนี้ ไทยเบฟยังร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ เพื่อส่งมอบผลิตภัณฑ์เพื่อป้องกันเชื้อไวรัสโควิด-19 ดังนี้
ทยเบฟร่วมกับสภากาชาดไทยและกระทรวงมหาดไทย ส่งมอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดจาก แอลกอฮอล์จำนวน 197,600 ลิตร เพื่อกระจายไปยังชุดปฏิบัติการและสถานบริการสาธารณสุข รวมถึงประชาชน และผู้ยากไร้ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ
ไทยเบฟร่วมกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC Group สนับสนุนเจลแอลกอฮอล์ล้างมือสำหรับพกพา ขนาด 50 ซีซี จำนวน 1,100,000 ขวด เพื่อส่งมอบให้กับกระทรวงสาธารณสุขนำไปแจกจ่ายให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านทั่วประเทศ
กลุ่มธุรกิจไทยเบฟ โดยบริษัท เบฟเทค จำกัด ผลิตสเปรย์แอลกอฮอล์ทำความสะอาดมือ จำนวน 15,000 ขวด ที่พัฒนาสูตรโดยกลุ่มเภสัชกร โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อส่งมอบให้มูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) ยามยาก สภากาชาดไทย สำหรับเครือข่ายเตือนภัยชุมชนเพื่อนพึ่ง (ภาฯ) 19 ชุมชนทั่วประเทศ
กลุ่มธุรกิจไทยเบฟ โดยบริษัท เบฟเทค จำกัด ร่วมกับ กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข สนับสนุนการผลิตเครื่องสำอางที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เพื่อสุขภาพอนามัยสำหรับมือ พร้อมกับส่งมอบแอลกอฮอล์ไปแล้วกว่า 1,088,176.02 ลิตร (ข้อมูลวันที่ 30 ก.ย. 2563)
ผลิตและส่งมอบหน้ากากอนามัย Surgical Mask และ N95
ไทยเบฟได้นำเข้าหน้ากากอนามัยจากต่างประเทศ จำนวน 530,000 ชิ้น โดยบริจาค 130,000 ชิ้น ให้ 9 โรงพยาบาลแรก ได้แก่ รพ.ศูนย์ยะลา รพ.กำแพงเพชร รพ.ปัตตานี รพ.บึงกาฬ รพ.สงขลา รพ.พิจิตร รพ.สตูล รพ.นราธิวาส รพ.สุไหงโกลก และอีก 400,000 ชิ้น มอบให้พนักงานใช้ระหว่างให้บริการ ขณะเดียวกันได้จัดตั้งสายการผลิตหน้ากากอนามัย พร้อมจัดซื้อเครื่องจักรสำหรับผลิตหน้ากากอนามัย ซึ่งสามารถผลิตSurgical mask ได้จำนวน 3 ล้านชิ้นต่อเดือนและผลิตหน้ากากอนามัย N95 ได้จำนวน 1.2 ล้านชิ้น ต่อเดือน เพื่อมอบให้พนักงาน บุคลากรทางการแพทย์ และบริจาคให้สาธารณะ
สนับสนุนเงิน 100 ล้านบาท ให้กับ “กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19 (และโรคระบาดต่าง ๆ)”
“กองทุนชัยพัฒนาสู้ภัยโควิด 19 (และโรคระบาดต่างๆ )” เป็นกองทุนที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้มูลนิธิชัยพัฒนาจัดตั้งเพื่อช่วยเหลือโรงพยาบาลและบุคลากรทางการแพทย์ในการจัดซื้อวัสดุอุปกรณ์และสิ่งของที่มีความจำเป็นในการรักษาผู้ป่วยโควิด-19 ตามดุลยพินิจ ของมูลนิธิชัยพัฒนา โดยไทยเบฟจได้สนับสนุนกองทุนดังกล่าวในนามมูลนิธิสิริวัฒนภักดีจำนวน 100 ล้านบาท และสนับสนุนน้ำดื่มในนามบริษัทไทยเบฟฯ มูลค่า 1 ล้านบาท
“โออิชิ ให้ สู้ภัยโควิด-19” มอบเงินและผลิตภัณฑ์อาหาร-เครื่องดื่ม รวม 24 ล้านบาท ให้แก่บุคลากรทางการแพทย์
กลุ่มธุรกิจไทยเบฟ โดยบริษัท โออิชิ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมกับหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย ดำเนินโครงการ “โออิชิ ให้ สู้ภัยโควิด-19” โดยมอบเงินบริจาคโรงพยาบาลแห่งละ 2,000,000 บาท และผลิตภัณฑ์อาหาร-เครื่องดื่มโออิชิ รวม 10 ล้านบาท เพื่อสนับสนุนและอำนวยความสะดวกให้กับบุคลากรทางการแพทย์ โดยจัดส่งทุกวันตลอดระยะเวลา 3 เดือน รวมมูลค่าทั้งหมด 24 ล้านบาท ให้แก่โรงพยาบาลทั้ง 7 แห่ง ประกอบด้วยโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า โรงพยาบาลศิริราช โรงพยาบาลรามาธิบดี โรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ โรงพยาบาลราชวิถี และสถาบันบำราศนราดูร
โออิชิ ภายใต้โออิชิ กรีนที ยังได้มีส่วนบริจาคแอลกอฮอล์ให้แก่ผู้ประสบภัยใน ประเทศลาว และกัมพูชา
โออิชิได้บริจาคแอลกอฮอล์ให้กับกระทรวงสาธารณสุขประเทศกัมพูชา จำนวน 3,600 ลิตร และกระทรวงสาธารณสุขประเทศลาว จำนวน 2,100 ลิตร เพื่อส่งต่อให้กับโรงพยาบาลต่างๆ ในแต่ละประเทศ
คลินิกตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์ หรือ PROLAB VIBHAVADI MEDICAL TECHNOLOGY CLINIC
ไทยเบฟได้ดำเนินการจัดตั้งคลินิกตรวจวิเคราะห์ทางการแพทย์เพื่อเป็นศูนย์ในการตรวจหาเชื้อช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส โดยให้บริการตรวจคัดกรองพนักงานรวมถึงบุคลากรทางการแพทย์โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ขณะเดียวกันหน่วยงานภาครัฐหรือประชาชนที่สนใจสามารถขอเข้ารับบริการโดยมีอัตราค่าบริการต่ำกว่าการตรวจเชื้อที่โรงพยาบาลเอกชนทั่วไป จากข้อมูลตั้งแต่วันที่ 16 เมษายน จนถึงวันที่ 21 กรกฎาคม 2563 มีพนักงานในเครือเข้ารับการตรวจทั้งสิ้น จำนวน 15,970 ครั้ง ซึ่งจนถึง 30 กันยายน 2563 ไทยเบฟยังไม่พบการติดเชื้อในกลุ่มพนักงานแต่อย่างใด โดยคลินิกแห่งนี้ใช้เครื่องตรวจของบริษัท Bioneer จากสาธารณรัฐเกาหลี แบบ Semi-Automate ตามมาตรฐานขององค์การอนามัยโลก (WHO) และเครื่อง Cobas 6800 ของบริษัท Roche แบบ Fully Automate Real time PCR ที่ผ่านการรับรองจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อประเทศสหรัฐอเมริกา (Centers of Disease Control and Prevention: CDC) เป็นเครื่องประเภทเดียวกับที่ใช้ตรวจหาเชื้อโควิด-19 ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์และสถาบันบำราศนราดูร
ทิศทางการดำเนินงาน
ไทยเบฟยังคงเดินหน้าสานต่อกิจกรรมสร้างสรรค์และแบ่งปันทางด้านสาธารณสุขเพื่อชุมชนและสังคมอย่างต่อเนื่อง เพื่อส่งเสริมสุขภาพอนามัยที่ดีของทุกคนในสังคมไทย ด้วยความเชื่อมั่นว่าการมีสุขภาพดี คือต้นทุนที่ดีที่สุดเป็นประโยชน์ต่อทั้งตนเอง สังคม และประเทศชาติพร้อมกับการดำเนินชีวิตอย่างเป็นสุข
แบ่งปันคุณค่า
นายแพทย์วิศิษฎ์ ประสิทธิศิริกุล
รองผู้อำนวยการสถาบันบำราศนราดูร
ขอขอบคุณไทยเบฟ ที่ได้มอบผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด แอลกอฮอล์ สำหรับล้างมือ และทำความสะอาดอุปกรณ์เครื่องมือแพทย์ และพื้นผิวต่าง ๆ ในโรงพยาบาลให้แก่สถาบันบําราศนราดูร เนื่องจากความจำเป็นในการใช้แอลกอฮอล์ที่เพิ่มสูงขึ้นจากสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ดังนั้นแอลกอฮอล์ที่ได้รับมอบมาทำให้สถาบันบำราศนราดูรสามารถมีใช้ได้นานกว่า 5 เดือน ซึ่งผมซาบซึ้งเป็นอย่างยิ่งที่ไทยเบฟได้ตระหนักถึงความสำคัญและเข้าร่วมในการขับเคลื่อนมาตรการต่าง ๆ เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ให้เราสามารถผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปด้วยกัน
©สงวนลิขสิทธิ์ 2566 บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)