GRI 102-12, GRI 103-1, GRI 103-2, GRI 103-3, GRI 413-1 |
การสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่า
จากการเติบโต
ในทุกย่างก้าวของการดำเนินธุรกิจ ไทยเบฟคำนึงถึงความ รับผิดชอบต่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยตระหนักถึงหน้าที่สำคัญในการมีส่วนร่วมสร้างประโยชน์ให้สังคมและชุมชน ไทยเบฟจะสามารถดำเนินกิจการอยู่ได้ ต้องเติบโตควบคู่ไปพร้อมกับการพัฒนาชุมชน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนรอบโรงงาน หรือสังคมในภาพรวม ไทยเบฟจึงได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพให้ชุมชน ส่งเสริมด้านสาธารณสุข สนับสนุนด้านการศึกษา กีฬา เยาวชน การรักษาศิลปวัฒนธรรม รวมถึงทำนุบำรุงศาสนาและประเพณีท้องถิ่น นอกจากนี้ ไทยเบฟให้การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติทั้ง 17 ข้อ เช่น การขจัดความยากจน ขจัดความหิวโหย การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และมีการศึกษาที่เท่าเทียม ไทยเบฟได้ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรจากภาคธุรกิจ รัฐบาลและประชาสังคม ช่วยกันขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนและสังคม ให้เกิดผลสำเร็จภายใต้หลักการ “การสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโตที่ยั่งยืน” โดยริเริ่มโครงการและกิจกรรม เพื่อทำประโยชน์ให้แก่สังคม ทั้งทางตรงและทางอ้อมในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
ไทยเบฟและบริษัทในกลุ่มไทยเบฟได้กำหนดนโยบายความ รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการสร้างคุณค่าและเป็นแบบอย่างของธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนคืนสู่สังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดยมีส่วนช่วยสร้างสรรค์โครงการพัฒนาชุมชนต่างๆ ให้ทุกฝ่ายมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมุ่งหวัง ที่จะสร้างความร่วมมือและคุณค่าสู่สังคม พร้อมทั้งเป็นองค์กรที่ดีของสังคมอย่างยั่งยืน
ในทุกย่างก้าวของการดำเนินธุรกิจ ไทยเบฟคำนึงถึงความ รับผิดชอบต่อสังคมมาอย่างต่อเนื่อง โดยตระหนักถึงหน้าที่สำคัญในการมีส่วนร่วมสร้างประโยชน์ให้สังคมและชุมชน ไทยเบฟจะสามารถดำเนินกิจการอยู่ได้ ต้องเติบโตควบคู่ไปพร้อมกับการพัฒนาชุมชน ไม่ว่าจะเป็นชุมชนรอบโรงงาน หรือสังคมในภาพรวม ไทยเบฟจึงได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ในการร่วมพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างอาชีพให้ชุมชน ส่งเสริมด้านสาธารณสุข สนับสนุนด้านการศึกษา กีฬา เยาวชน การรักษาศิลปวัฒนธรรม รวมถึงทำนุบำรุงศาสนาและประเพณีท้องถิ่น นอกจากนี้ ไทยเบฟให้การสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติทั้ง 17 ข้อ เช่น การขจัดความยากจน ขจัดความหิวโหย การมีสุขภาพและความเป็นอยู่ที่ดี และมีการศึกษาที่เท่าเทียม ไทยเบฟได้ผนึกความร่วมมือกับพันธมิตรจากภาคธุรกิจ รัฐบาลและประชาสังคม ช่วยกันขับเคลื่อนการพัฒนาชุมชนและสังคม ให้เกิดผลสำเร็จภายใต้หลักการ “การสร้างสรรค์และแบ่งปันคุณค่าจากการเติบโตที่ยั่งยืน” โดยริเริ่มโครงการและกิจกรรม เพื่อทำประโยชน์ให้แก่สังคม ทั้งทางตรงและทางอ้อมในทุกภูมิภาคทั่วประเทศ
ไทยเบฟและบริษัทในกลุ่มไทยเบฟได้กำหนดนโยบายความ รับผิดชอบต่อสังคมเพื่อเป็นแนวทางปฏิบัติในการสร้างคุณค่าและเป็นแบบอย่างของธุรกิจที่สร้างผลตอบแทนคืนสู่สังคม และผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกกลุ่ม โดยมีส่วนช่วยสร้างสรรค์โครงการพัฒนาชุมชนต่างๆ ให้ทุกฝ่ายมีคุณภาพชีวิตที่ดี และมุ่งหวัง ที่จะสร้างความร่วมมือและคุณค่าสู่สังคม พร้อมทั้งเป็นองค์กรที่ดีของสังคมอย่างยั่งยืน
กิจกรรมตัวอย่างเพื่อสังคมของไทยเบฟ ที่สอดคล้องกับการสนับสนุนเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติ
และตอบสนองต่อสิ่งที่เป็นสาระสำคัญด้านความยั่งยืนของไทยเบฟ
UN SDGs | โครงการ | ตัวชี้วัด |
---|---|---|
ไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาว | ลดจำนวนผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุรุนแรงที่เกี่ยวข้องกับภูมิอากาศ และภัยพิบัติกว่า 200,000 คน | |
ไทยเบฟร่วมสร้างต้นแบบตำบลสัมมาชีพ | การรณรงค์การบริหารจัดการการเกษตรแบบยั่งยืน ช่วยเกษตรกรกว่า 50 ราย (302 ครัวเรือน) และสร้างรายได้เฉลี่ย 11,356 บาท ต่อครัวเรือน/ปี | |
โครงการด้านสาธารณสุข | ปี 2561 ไทยเบฟสนับสนุนเงินช่วยเหลือเพื่อการพัฒนางานวิจัยทางการแพทย์ อุปกรณ์ทางการแพทย์และด้านสุขภาพขั้นพื้นฐานต่างๆ รวมกว่า 50 ล้านบาท | |
|
|
|
|
|
|
โครงการประชารัฐรักสามัคคี | เพิ่มจำนวนชุมชนกว่า 60,000 ครัวเรือนที่ยากจนให้มีรายได้เพิ่มขึ้นเหนือเส้นแบ่งความยากจน | |
การจัดงานสัมมนา C asean Sustainable Development Forum & Transforming Asia Pacific: Innovative Solutions, Circular Economy and Low Carbon Lifestyles | เพิ่มการตระหนักรู้ และขอความร่วมมือจาก 7 นานาประเทศเป็นอย่างน้อยในการหาแนวทาง เพื่อลดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ | |
|
|
|
โครงการประชารัฐรักสามัคคี | สนับสนุนการส่งเสริมหุ้นส่วนความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน ประชาสังคม วิชาการ และประชาชน เพื่อจัดตั้งเป็นบริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม จำนวน 77 จังหวัด เป็นมูลค่าเงินร่วมทุน 337 ล้านบาท |
กระบวนการสร้างสรรค์และแบ่งปัน
เพื่อการเติบโตที่ยั่งยืน
เพื่อบรรลุนโยบายความรับผิดชอบต่อสังคม ไทยเบฟจึงส่งเสริม
และสนับสนุนให้กรรมการและพนักงานเป็นอาสาสมัครเข้าร่วมกิจกรรม
ทางสังคมและสาธารณกุศลในทุกรูปแบบ โดยจัดให้มีหน่วยงานหรือคณะทำงานกิจกรรมเพื่อสังคมหลายฝ่ายดูแลโครงการพัฒนาชุมชนต่างๆ ซึ่งแบ่งการดำเนินงานออกเป็น 2 ส่วน คือ
ในการริเริ่มโครงการและกิจกรรมเพื่อสร้างประโยชน์แก่ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมครอบคลุมทุกพื้นที่การดำเนินธุรกิจ ไทยเบฟมีขั้นตอนดำเนินงานการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียดังนี้
ทำการประเมินผลกระทบทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ ผ่านการสานสัมพันธ์และสอบถามความคิดเห็นหรือ ความต้องการจากกลุ่มชุมชนเป้าหมาย ทั้งที่เป็นชุมชนรอบโรงงาน รอบสถานประกอบการทั้งหมด และชุมชนที่ใกล้ชิดกับผลิตภัณฑ์ของ ไทยเบฟ ด้วยวิธีการใช้แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การจัดประชุมสาธารณะ การพูดคุยกับกลุ่มผู้นำชุมชน กลุ่มผู้ปกครอง คณะกรรมการโรงเรียน หรือการจัดกลุ่มประชุมย่อยที่เป็นกันเอง รายสัปดาห์ (สภากาแฟ)
จากความคิดเห็นของกลุ่มชุมชนเป้าหมาย ทำให้เกิดการสร้างกิจกรรมเพื่อสังคมโดยแบ่งออกเป็น 5 ด้านหลัก คือ ด้านการพัฒนาชุมชนและสังคม ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านกีฬา และ ด้านศิลปวัฒนธรรม ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนทุกเพศและวัย รวมถึงชนกลุ่มน้อย ผู้พิการ ผู้ขาดโอกาส และผู้ที่อยู่ในเขตทุรกันดาร
ทุกโครงการที่จัดทำจะต้องมีการวัดผลลัพธ์การทำงานอย่างเป็น รูปธรรม ด้วยการวัดความพึงพอใจของชุมชน กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การวัดผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการติดตามรายงานความคืบหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ อาทิ หน่วยงานราชการ มหาวิทยาลัย ประชาสังคม
- 1) การจัดการจากส่วนกลางประกอบด้วย กลุ่มโครงการพัฒนาชุมชน กลุ่มโครงการส่งเสริมคุณภาพชีวิตและสิ่งแวดล้อม กลุ่มประสานงานภายนอกองค์กร กลุ่มโครงการไทยทาเลนท์ กลุ่มโครงการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม กลุ่มสำนักทรัพยากรบุคคล และกลุ่มสำนักสื่อสารองค์กร
- 2) การจัดการในระดับพื้นที่รอบโรงงาน ประกอบด้วย หน่วยงานมวลชนสัมพันธ์และแผนกสิ่งแวดล้อมของแต่ละโรงงาน ซึ่งทำงานประสานกับส่วนกลางอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ แต่ละหน่วยงานจะทำหน้าที่ประสานงานและดำเนินโครงการที่ริเริ่มเอง หรือร่วมมือกับกลุ่มงานต่างๆ ในสังคม
ในการริเริ่มโครงการและกิจกรรมเพื่อสร้างประโยชน์แก่ชุมชน สังคม และสิ่งแวดล้อมครอบคลุมทุกพื้นที่การดำเนินธุรกิจ ไทยเบฟมีขั้นตอนดำเนินงานการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียดังนี้
ทำการประเมินผลกระทบทางด้านสังคมและสิ่งแวดล้อมอย่างสม่ำเสมอ ผ่านการสานสัมพันธ์และสอบถามความคิดเห็นหรือ ความต้องการจากกลุ่มชุมชนเป้าหมาย ทั้งที่เป็นชุมชนรอบโรงงาน รอบสถานประกอบการทั้งหมด และชุมชนที่ใกล้ชิดกับผลิตภัณฑ์ของ ไทยเบฟ ด้วยวิธีการใช้แบบสอบถาม การสัมภาษณ์ การจัดประชุมสาธารณะ การพูดคุยกับกลุ่มผู้นำชุมชน กลุ่มผู้ปกครอง คณะกรรมการโรงเรียน หรือการจัดกลุ่มประชุมย่อยที่เป็นกันเอง รายสัปดาห์ (สภากาแฟ)
จากความคิดเห็นของกลุ่มชุมชนเป้าหมาย ทำให้เกิดการสร้างกิจกรรมเพื่อสังคมโดยแบ่งออกเป็น 5 ด้านหลัก คือ ด้านการพัฒนาชุมชนและสังคม ด้านการศึกษา ด้านสาธารณสุข ด้านกีฬา และ ด้านศิลปวัฒนธรรม ซึ่งมีจุดมุ่งหมายเพื่อตอบสนองความต้องการของชุมชนทุกเพศและวัย รวมถึงชนกลุ่มน้อย ผู้พิการ ผู้ขาดโอกาส และผู้ที่อยู่ในเขตทุรกันดาร
ทุกโครงการที่จัดทำจะต้องมีการวัดผลลัพธ์การทำงานอย่างเป็น รูปธรรม ด้วยการวัดความพึงพอใจของชุมชน กลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย การวัดผลกระทบทางสังคมและสิ่งแวดล้อม รวมถึงการติดตามรายงานความคืบหน้าจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ อาทิ หน่วยงานราชการ มหาวิทยาลัย ประชาสังคม
ขั้นตอนการดำเนินงานการมีส่วนร่วมกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
ทำความเข้าใจความต้องการ
- ระบุกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- ออกแบบรูปแบบการมีส่วนร่วม
- สรุปประเด็นความต้องการ
บริหารจัดการโครงการ
- ออกแบบการดำเนินงาน/ขอบเขตการทำงาน
- จัดตั้งคณะทำงาน/คณะกรรมการที่ปรึกษา
- เชื่อมโยงหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อร่วมกันทำงาน
- จัดหาตัวแทนชุมชน
- การบริหารจัดการความเสี่ยง และผลกระทบต่างๆ
ประเมินผลกิจกรรม
- สำรวจความพึงพอใจของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย
- จัดตั้งช่องทางเพื่อรับข้อร้องเรียน
- ประเมินผลกระทบทางสังคม/สิ่งแวดล้อม
- ติดตามผลการทำงานเป็นระยะตลอด การดำเนินงาน (อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง)
ไทยเบฟร่วมมือกับชุมชนและหน่วยงานท้องถิ่นต่างๆ จัดตั้งเป็นคณะกรรมการความปลอดภัย คณะกรรมการให้คำปรึกษา รวมถึงทีมงาน
ที่รับฟังข้อร้องเรียนของชุมชนเพื่อบริหารและจัดการกับผลกระทบต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น เช่น แผนกมวลชนสัมพันธ์ แผนกสิ่งแวดล้อมประจำโรงงานในกลุ่มไทยเบฟทั่วประเทศ โดยจะมีการติดตามและรายงาน
ผลการดำเนินการเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจว่ากิจกรรมสาธารณประโยชน์ที่ไทยเบฟให้การสนับสนุน สามารถตอบสนอง
ความต้องการของชุมชนและเกิดประโยชน์แก่ส่วนรวมอย่างยั่งยืน
ไทยเบฟจัดทำโครงการเพื่อสร้างความยั่งยืนสู่สังคมหลากหลายรูปแบบ โดยในปี 2561 ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการให้ครอบคลุม 5 ด้านหลัก ดังนี้
ไทยเบฟจัดทำโครงการเพื่อสร้างความยั่งยืนสู่สังคมหลากหลายรูปแบบ โดยในปี 2561 ใช้งบประมาณ 500 ล้านบาท สำหรับดำเนินโครงการให้ครอบคลุม 5 ด้านหลัก ดังนี้
- ด้านการพัฒนาชุมชนและสังคม ร้อยละ 28
- ด้านการศึกษา ร้อยละ 7
- ด้านสาธารณสุข ร้อยละ 8
- ด้านกีฬา ร้อยละ 44
- ด้านศิลปวัฒนธรรม ร้อยละ 13
ไทยเบฟจัดทำโครงการเพื่อสร้างความยั่งยืน
สู่สังคมหลากหลายรูปแบบ โดยในปี 2561 ใช้งบประมาณ
500 ล้านบาท
สำหรับดำเนินโครงการให้ครอบคลุม 5 ด้านหลัก ดังนี้
100%
ของสถานประกอบการที่มีการดำเนินโครงการพัฒนาชุมชน
เปรียบเทียบกับจำนวนสถานประกอบการทั้งหมด
โครงการประชารัฐรักสามัคคี และโครงการพัฒนาชุมชน | |
โครงการ Connext ED | |
โครงการ Partnership School | |
โครงการการพัฒนาด้านกีฬา | |
โครงการการพัฒนาด้านศิลปวัฒนธรรม |
**หมายเหตุ
สถานประกอบการ หมายถึง สถานประกอบการที่มีการประเมินโครงการที่อาจมีผลกระทบต่อชุมชนในกรอบของโรงงานที่มีการดำเนินการทั่วประเทศ (29 แห่ง)
การมีส่วนร่วมของพนักงานจิตอาสาไทยเบฟ
สร้างการมีส่วนร่วมพนักงาน 2,000 คน คิดเป็น ชั่วโมงจิตอาสา 88,000 ชั่วโมง |