รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี 2561
หน้าแรก / รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2561 / สร้างสรรค์และแบ่งปัน การบริหาร ความสัมพันธ์ลูกค้า
GRI 103-1, GRI 103-2

  • “ลูกค้า” คือบุคคลสำคัญและถือเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้มีส่วนได้ส่วนเสียหลักของไทยเบฟ การทำงานร่วมกัน และพัฒนาให้ลูกค้ามีโอกาสเติบโตทางธุรกิจและได้รับผลประโยชน์ในด้านต่างๆ ทำให้ไทยเบฟมีฐานลูกค้าที่มั่นคงและมีความสัมพันธ์แบบยั่งยืน เติบโตไปด้วยกัน
  • การบริหารจัดการความสัมพันธ์ลูกค้า ถือเป็นกุญแจหลักในการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า และเพื่อ ตอบสนองความพึงพอใจสูงสุดของลูกค้า ไทยเบฟจึงกำหนดการวัดผล ติดตาม ประเมินความพึงพอใจ ของลูกค้าด้วยวิธีการที่แตกต่างกัน ตามลักษณะความต้องการ ความคาดหวัง การดำเนินธุรกิจของลูกค้า และช่องทางการจัดจำหน่าย
  • ไทยเบฟดูแลเอาใส่ใจลูกค้าโดยครอบคลุมด้านต่างๆ ดังนี้
    • การคัดสรรวัตถุดิบที่มีคุณภาพ
    • การพัฒนาและควบคุมกระบวนการผลิตให้ได้มาตรฐานสากลและเชื่อถือได้
    • การวิจัยและสร้างสรรค์ “นวัตกรรม” ใหม่เพื่อนำส่งสิ่งใหม่ให้กับลูกค้า
    • กระบวนการจัดส่งสินค้าที่ลูกค้าติดตามตรวจสอบได้
    • การพัฒนาศักยภาพของลูกค้าโดยการจัดอบรมต่างๆ และนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ มาใช้เพื่อติดต่อสื่อสารกับลูกค้าอย่างมีประสิทธิภาพ

แบ่งปันคุณค่า

คุณอวยชัย ตันทโอภาส
กรรมการและรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส ผู้บริหารสูงสุดกำกับดูแลปฏิบัติการ
ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)

ลูกค้าคือผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholder) ที่สำคัญขององค์กรของเรา และเป็นตัวแปรสำคัญที่จะทำให้เราสามารถบรรลุวัตถุประสงค์ของเราได้ ดังนั้นเราจำเป็นต้องช่วยกันพัฒนาศักยภาพลูกค้าให้มีประสิทธิภาพในการทำงานกับเราได้อย่างกลมกลืน เพื่อช่วยนำพาสินค้าของเราไปสู่มือผู้บริโภค ไทยเบฟเองก็จะเจริญเติบโต ถ้าผู้บริโภคมีความพึงพอใจกับสินค้าของเรา ได้รับสินค้าของเราไปบริโภค และกลับมาซื้อสินค้าของเราใหม่ เรื่องนี้ถือเป็นปัจจัยแห่งความสำเร็จ ทางธุรกิจ โดยสรุปแล้ว ลูกค้ามีความสำคัญ เพราะฉะนั้นการบริหารลูกค้า ไม่ใช่การบังคับ ต้องพยายามทำให้ลูกค้าทำงานกับเราได้ อย่างมีความสุข มีความพึงพอใจ มีกำไร และอยู่กับเราตลอดไป

การกำหนดเป้าหมายและการตรวจสอบความพึงพอใจของลูกค้า
KPI 2018 (2561) 2015 (2558) 2016 (2559) 2017 (2560) 2018 (2561)
% คะแนนความพึงพอใจของลูกค้า 86.00% 84.90% 86.10% 86.40% 88.30%
% การสำรวจความคิดเห็นของลูกค้า 100.00% 54.52% 73.17% 100.00% 100.00%

ThaiBev is committed to maintaining highest standard of customer satisfaction across all channels. In 2018, a customer satisfaction survey has been conducted by Center of Applied Economics at the Faculty of Economics at Kasetsart University, using internationally accepted methodology. The survey covers 446 ThaiBev’s customers representing 100% coverage.

KPIs has been set up to monitor customer satisfaction throughout ThaiBev’s delivery value chain with details as follow;

  • Pre Distribution Conditions and Coordination
  • Billing and Invoicing Process
  • Product Loading Process
  • Issue Handling – Communication
  • Post Distribution Damaged Goods Issue Management
  • Coordination for Product Return Process
การบริหารช่องทางการจัดจำหน่าย
การบริหารช่องทางการจัดจำหน่ายของไทยเบฟในปัจจุบัน แยกพิจารณาตามกลุ่มดังนี้

กลุ่มลูกค้า (Customer)
เป็นกลุ่มที่จะนำสินค้าของไทยเบฟไปส่งต่อถึงผู้บริโภค และสร้างความพึงพอใจในผลิตภัณฑ์ที่ดีของไทยเบฟ ต่อผู้บริโภคอย่างมีความสุขและอยู่กับเราตลอดไป ซึ่งประกอบด้วย
  • 1. ช่องทางการค้าขายแบบดั้งเดิม (Traditional Trade): เป็นการจำหน่ายผ่านระบบตัวแทนจำหน่ายในแต่ละจังหวัดและอำเภอ
  • 2. ช่องทางการค้าขายสมัยใหม่ (Modern Trade): เป็นการจำหน่ายผ่านห้างค้าปลีกสมัยใหม่ เช่น แม็คโคร เทสโก้ โลตัส บิ๊กซี เซเว่น อีเลฟเว่น ท็อปส์ ซูเปอร์มาร์เก็ต เดอะมอลล์ และรวมถึงห้างค้าปลีกสมัยใหม่ตามท้องถิ่นด้วย เช่น ซีเจ (ราชบุรี เพชรบุรี สมุทรสงครามและจังหวัดอื่นๆ) ทีเอ็มเค (กาญจนบุรี) หรือ ซุปเปอร์ชีป (ภูเก็ต)
  • 3. ช่องทางการค้าขายด้วยหน่วยรถเงินสดของไทยเบฟ (Cash Van) ไปยังร้านค้าปลีกในแต่ละชุมชน เช่น ร้านโชว์ห่วย ร้านสวัสดิการ ร้านอาหารตามสั่ง ร้านค้าปลีกในสถานที่ราชการหรือโรงพยาบาล
  • 4. ช่องทางการค้าขายให้กับร้านอาหาร โรงแรม และธุรกิจการบริการท่องเที่ยวและจัดงานเลี้ยง (HoReCa)
  • 5. ช่องทางการค้าขายให้กับร้านอาหารและสถานบันเทิงที่ต้องมี ใบอนุญาต (On Trade/On Premises) เช่น ผับ บาร์ และร้านอาหาร หรือสวนอาหารต่างๆ
กลุ่มผู้บริโภค (Consumer):
เป็นกลุ่มที่ไทยเบฟจำหน่ายสินค้า ให้โดยตรง เรามุ่งเน้นให้ผู้บริโภคมีความพึงพอใจกับสินค้าของเรา ได้รับสินค้าของเราไปบริโภคอย่างมีความสุข มีประสบการณ์ที่ดีเยี่ยม และกลับมาซื้อสินค้าหรือบริการของเราใหม่ต่อไป ซึ่งผ่านช่องทางดังนี้ :
  • 1. ผ่านทางร้านอาหารของไทยเบฟ ภายใต้ตราสินค้าที่หลากหลาย เช่น
    OISHI ประกอบด้วยโออิชิ แกรนด์ (OISHI Grand) โออิชิ อีทเทอเรียม (OISHI Eaterium) โออิชิ บุฟเฟต์ (OISHI Japanese Buffet) นิกุยะ (Nikuya) ชาบูชิ (Shabushi) โออิชิ ราเมน (OISHI Ramen) คาคาชิ (Kakashi)* Food of Asia ประกอบด้วยโซอาเซียน คาเฟ่ แอนด์ เรสเตอรองท์ (So Asean Café & Restaurant) หม่าน ฟู่ หยวน คิทเช่น (Man Fu Yuan Kitchen) บ้านสุริยาศัย (Baan Suriyasai) ฟู้ด สตรีท (Food Street) ไฮด์แอนด์ซีค (Hyde & Seek) เอ็มเอ็กซ์ เค้กแอนด์เบเกอรี่ (mx cakes & bakery) คาเฟ่ ชิลลี่ (Cafe Chilli) ชิลลี่ ไทย เรสเตอรองท์ (Chilli Thai Restaurant) อีทพอท เกาเหลาหม้อไฟ (Eat Pot by Café Chilli) พอท มินิสทรี (POT Ministry) เสือใต้ (South Tiger) และ เคเอฟซี (KFC) เฉพาะร้านที่อยู่ภายใต้การบริหารร้านของ ไทยเบฟ เดอะ คิวเอสอาร์ ออฟ เอเชีย จำกัด (QSA)**
  • 2. ผ่านช่องทางออนไลน์และเว็บไซต์ (https://oishidelivery.com/th) ด้วยมือถือหรือคอมพิวเตอร์ หรือวิธีการโทร. สั่ง (OISHI Delivery 1773) ซึ่งเป็นช่องทางที่ตรงกับไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ และ คนที่อาศัยในเมือง โดยมุ่งเน้นที่การสร้างประสบการณ์ความพึงพอใจในการบริการอย่างดีที่สุด
** ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.oishifood.com/restaurant.php
** ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://www.foa.co.th/brand.php
กำหนดการวัดผล ติดตาม ประเมินความพึงพอใจของลูกค้า
 
จากการที่ไทยเบฟมีช่องทางการจัดจำหน่ายที่หลากหลาย เน้นการเข้าถึงลูกค้าและการบริการที่ครอบคลุม และเพื่อให้การบริหารลูกค้าเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ไทยเบฟจึงมีการกำหนดการวัดผล/ติดตาม/ประเมินความพึงพอใจของลูกค้าและผู้บริโภค ด้วยวิธีการที่แตกต่างกันตามลักษณะ ความต้องการ ความคาดหวัง การดำเนินธุรกิจของลูกค้าและผู้บริโภคในแต่ละช่องทางการจัดจำหน่ายที่ต่างกัน ดังนี้

  • ช่องทางการค้าขายแบบดั้งเดิม (Traditional Trade): ซึ่งเป็นตัวแทนในแต่ละจังหวัดและมีการสั่งซื้อสินค้าครั้งละเป็นจำนวนมาก ย่อมคาดหวังที่จะได้สินค้าครบถ้วนตามจำนวนที่สั่ง สินค้า มีความสดใหม่และสภาพบรรจุภัณฑ์ที่สมบูรณ์ตามที่สั่งซื้อ กระบวนการวัดผลและประเมินความ พึงพอใจของลูกค้าจึงมุ่งเน้นในเรื่องความพร้อม ความสมบูรณ์และครบถ้วนของสินค้าที่จัดส่ง และรวมถึงการให้บริการของพนักงานขนส่งที่อ่อนน้อมเมื่อไปถึงลูกค้าด้วยเช่นกัน
  • ช่องทางการค้าขายให้กับร้านอาหาร โรงแรม ธุรกิจการบริการท่องเที่ยวและจัดงานเลี้ยง (HoReCa): มีความคาดหวัง คือ ทักษะความรู้ การให้คำแนะนำ ซึ่งรวมถึงการให้ความรู้ ในโครงการการให้บริการแบบมีความรับผิดชอบ (Serve Responsibly) และการให้บริการของพนักงานขาย ในเรื่องการให้ข้อมูลสินค้าที่จำหน่ายในร้านอาหารหรือโรงแรมของลูกค้า รวมถึงการดูแลและจัดหาสื่อส่งเสริมการขายเพื่อใช้ ณ จุดขาย โดยทีม HoReCa Management จะทำการสำรวจความพึงพอใจของลูกค้าโดยจัดส่งแบบสอบถามผ่าน QR Code และส่งข้อมูลทางออนไลน์ เพื่อความโปร่งใสและให้ลูกค้ามีอิสระในการประเมินและแจ้งผลกลับมายังไทยเบฟ
  • กลุ่มลูกค้าที่เป็นผู้บริโภค (Consumer) : มีการติดตาม/วัดผลความพึงพอใจแยกตามความสะดวกและรวดเร็ว และประสบการณ์ของผู้บริโภคผ่านกิจกรรมต่างๆ ตามช่องทางการจัดจำหน่าย ที่แตกต่างกัน เช่น เมื่อลูกค้ามาใช้บริการที่ร้านอาหารในเครือของไทยเบฟ จะมีการสำรวจ ความพึงพอใจในการใช้บริการทันที โดยให้ลูกค้าประเมินความพึงพอใจผ่าน QR Code ท้ายใบเสร็จรับเงิน จากนั้นจะมีการติดตามและแจ้งผลไปยังลูกค้า (กรณีลูกค้าต้องการข้อมูลเพิ่มเติม) ส่วนกรณีการโทร. สั่งจาก OISHI Delivery 1773 ลูกค้าสามารถโทร. เพื่อร้องเรียนและติชม ผ่านทางเบอร์โทรศัพท์ดังกล่าวได้เช่นกัน
การต่อยอดและเสริมสร้างศักยภาพทางธุรกิจให้กับลูกค้า
 
ไทยเบฟเล็งเห็นความสำคัญของการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันให้กับลูกค้า เพื่อให้ลูกค้าสามารถดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีทักษะและความรู้ที่เพิ่มพูนมากขึ้น จึงได้มีการ จัดอบรมให้ความรู้ โดยอาศัยการแบ่งปันประสบการณ์ของผู้บริหารไทยเบฟ และเชิญผู้เชี่ยวชาญจากภายนอกมาร่วมโครงการการอบรมต่างๆ เพื่อสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพให้กับลูกค้า ตลอดจนองค์ความรู้ใหม่ๆ ดังตัวอย่างของโครงการต่อไปนี้
โครงการพัฒนาทายาทตัวแทนจำหน่าย (Agent Next Gen)
เป็นโครงการพัฒนาศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงานของลูกค้าและทายาทของลูกค้าจากช่องทางตัวแทนจำหน่าย ซึ่งจัดมาอย่าง ต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 3 ปี เพื่อให้ความรู้ในด้านต่างๆ ดังนี้
  • การจัดสายรถเร่เงินสด (เป็นหน่วยขายของลูกค้าที่มีการแบ่งรถขายแต่ละคันเป็นแต่ละสายส่งสินค้าในพื้นที่ลูกค้ารับผิดชอบ) โดยให้แต่ละสายไม่ให้ทับซ้อนและเข้าถึงร้านค้าในพื้นที่ให้ครอบคลุมให้มากที่สุด ซึ่งจะทำให้การกระจายสินค้าไปยังร้านค้าในพื้นที่ได้อย่างทั่วถึง และส่งมอบสินค้าได้ถึงมือผู้บริโภค
  • การพัฒนาศักยภาพของบุคลากรทีมขายของลูกค้า โดยจัดให้การอบรมทั้งทักษะการขาย (การวางแผนและเตรียมการขายก่อนการออกขาย การตรวจและเตรียมปัจจัยกระตุ้นการขายต่างๆ ให้พร้อมก่อนออกขาย การกำหนดวัตถุประสงค์และเป้าหมายการขายใน วันนั้นๆ การเจรจานำเสนอการขายและปิดการขายกับเจ้าของร้านค้า การจัดเรียงสินค้าหลังจัดส่งพร้อมกับติดสื่อการขาย การสรุป ยอดขายพร้อมทบทวนผลการขายในวันนั้นๆ) ทำให้มีการพัฒนา การทำงานของพนักงานขายของลูกค้าให้มีความเป็นมืออาชีพ ด้านการขายมากขึ้น และเข้าใจบทบาทการทำงานขาย และสามารถติดตามวัดผลได้
  • การกำหนดเป้าหมายการขายของแต่ละสาย โดยการประชุมร่วมกันของทีมขายของลูกค้าก่อนออกขายจริงในแต่ละวัน ซึ่งจะทำให้พนักงานขายของลูกค้ารับทราบถึงความสำคัญและเป้าหมายในการสร้างรายได้ของพนักงานขายในแต่ละสายส่ง รวมถึงกำหนดกระบวนการทำงานในแต่ละวัน การเตรียมการและแผนปฏิบัติงานเพื่อให้สามารถบรรลุเป้าหมายดังกล่าวได้ รวมถึงแนวทางในการแก้ไขปัญหาเพื่อสนับสนุนการขายให้มีประสิทธิภาพอย่างดีที่สุด
  • การอบรมในพื้นที่การขายจริง โดยพนักงานไทยเบฟจะให้คำแนะนำ ในพื้นที่ขายจริง โดยออกขายพร้อมกับทีมพนักงานขายของลูกค้า ในแต่ละสายส่ง (On the Job Training) ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์และเป็นการปรับพฤติกรรมการทำงานให้สอดคล้อง กับลักษณะพื้นที่การขายจริง และกำหนดเป็นแบบแผนในการทำงานมาตรฐานต่อไป และสามารถถ่ายทอดแลกเปลี่ยนประสบการณ์ให้กับทีมงานขายสายส่งอื่นๆ ได้
  • การสรุปผลยอดขายในแต่ละสายส่งในแต่ละวัน เพื่อเรียนรู้/ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกับสิ่งที่พบเห็นทั้งที่เป็นประโยชน์ และสิ่งที่ จะต้องปรับปรุง/แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งในสมุดรายบุคคลและตาราง ผลงานภาพรวม (Dashboard) ของลูกค้า ทำให้รับรู้ว่า จะต้องปรับแผนงานขายให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดในแต่ละช่วงระยะเวลาที่เหลือของเดือน เพื่อให้สามารถเร่งผลักดันยอดขายประจำเดือนให้บรรลุตามเป้าหมาย
นอกจากนี้ยังมีการจัดอบรมเชิงปฏิบัติการให้กับทีมพนักงานขายของลูกค้าในพื้นที่ขายจริง เช่น โครงการนำร่องที่สวรรคโลก จ.สุโขทัย ที่มีการตกลงกับลูกค้าที่จะพัฒนา/เพิ่มยอดขายให้กับหน่วยรถเงินสด ของลูกค้า โดยตั้งเป้าหมายขั้นต้นไว้ต่อคันจะต้องเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จาก ยอดขายในปัจจุบัน ซึ่งผลการอบรมและติดตามผลในพื้นที่จริง พบว่า ยอดขายของลูกค้าเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อสายมากขึ้นถึงร้อยละ 56 (เมื่อเทียบกับเป้าหมายเดิมที่ตั้งไว้ร้อยละ 40) ส่งผลให้ลูกค้า (ตัวแทนจำหน่าย) มีความพึงพอใจในประโยชน์ของโครงการและมั่นใจในการทำธุรกิจร่วมกับ ไทยเบฟต่อไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน
 

แบ่งปันคุณค่า

คุณชำนาญวิทย์ อภิชาตตรากูล
ทายาทตัวแทนจำหน่าย (Agent) หจก.อภิชาติน้ำทิพย์ จังหวัดสุโขทัย

ความรู้สึกและสิ่งที่ได้รับหลังจากตัวแทนจัดจำหน่ายหรือเอเยนต์ เข้าร่วมโครงการ Next Gen และโครงการพัฒนารถเร่สวรรคโลก
ผมรู้สึกประทับใจกับการให้ความช่วยเหลือเพื่อพัฒนาเอเยนต์ของไทยเบฟเป็นอย่างมาก การดูแลของทีมงานถือว่าดีที่สุด ดีกว่าบริษัทอื่นๆ ที่ร่วมทำงานกันมา เริ่มตั้งแต่ระดับหัวหน้าหน่วยและผู้ช่วย ผู้จัดการศูนย์ ที่มีแผนงานเข้ามาดูแลเอเยนต์และร้านค้าซับเอเยนต์เป็นประจำทุกอาทิตย์เพื่อเยี่ยมร้านค้า ตลอดจนกระตุ้นให้ซับเอเยนต์ซื้อสินค้าให้ถึงเป้าหมาย หรือในระดับผู้จัดการศูนย์และภาคการขายที่เข้าร่วมประชุมในทุกๆ เดือน เพื่อรับฟังปัญหาและร่วมวางแผนพัฒนาพื้นที่การขายของเอเยนต์ในแต่ละจังหวัดเป็นประจำ

ตั้งแต่ที่ผมได้เข้าร่วมโครงการ Next Gen ผมได้เรียนรู้และเปิด มุมมองธุรกิจใหม่ๆ เกี่ยวกับเทคนิคและแนวทางการบริหารงานในด้านต่างๆ เป็นต้นว่า การพัฒนารถเร่ การสำรวจตลาด การบริหารความสัมพันธ์กับร้านค้า ซับเอเยนต์และร้านค้าปลีก การบริหารคลังสินค้า หรือการวางแผนงานในแต่ละเดือน ซึ่งทั้งหมดนี้ถูกนำมาปรับใช้กับ หจก.อภิชาติน้ำทิพย์ ทำให้เราสามารถบริหารจัดการพื้นที่การขายได้ดีขึ้น ไม่ใช่แค่เพียงซื้อของ-ขายของเท่านั้น แต่ควรออกไปเจอร้านค้าและสร้างความสัมพันธ์กับร้านค้าซับเอเยนต์และร้านค้าปลีกด้วย เพื่อศึกษาสภาพตลาดและความต้องการของผู้บริโภค จะมารอแต่ ออเดอร์ร้านค้าอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องไปสร้างออเดอร์ให้เกิดขึ้น เพื่อเพิ่มยอดขาย เราถึงจะแข่งขันในตลาดค้าปลีกในปัจจุบันได้

ส่วนโครงการพัฒนารถเร่สววรคโลก ต้องขอขอบคุณทีมพัฒนาธุรกิจ-ช่องทางการขาย และทีมงานอื่นๆ ในโครงการนี้ที่ให้โอกาส ซึ่งโครงการได้นำผู้ฝึกสอนมาอบรมและพัฒนาพนักงานขายทุกคนอย่างใกล้ชิด ทำให้รถเร่ของที่ร้านมีความรู้ในผลิตภัณฑ์ของไทยเบฟต่างๆ มากขึ้นและปรับปรุงการทำงานให้เป็นมืออาชีพมากขึ้น เช่น เรามีการประชุมช่วงเช้า ประจำวัน มีการลงข้อมูลขาย มีการแข่งขันระหว่างพนักงานขายด้วยกันเอง มีการลงพื้นที่และสอนพนักงานขายให้มีทักษะการขายมากขึ้น ตลอดจนวางแผนงานและประชุมพนักงานขายประจำเดือน เพื่อวางเป้าหมายการขายและรับทราบปัญหาในพื้นที่ เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป

การอบรมโครงการ Next Gen และพัฒนารถเร่โครงการสวรรคโลกช่วยสร้างยอดขายและเพิ่มผลกำไรให้ทางร้านได้มากขึ้น เมื่อเปรียบเทียบยอดขายจากเดือนมกราคมถึงเมษายน 2561 จะพบว่าในเดือนเมษายนมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 90 เมื่อเทียบกับก่อนเริ่มโครงการ โดยเฉพาะเครื่องดื่มที่ไม่มีแอลกอฮอล์เพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดสูงถึงร้อยละ 319 เมื่อเทียบกับปีก่อน

โครงการจัดอบรมให้กับผู้ประกอบการร้านอาหารและโรงแรม โดยทีมโฮเรก้าแมนเนจเม้นท์
บริษัท โฮเรก้า แมนเนจเม้นท์ จำกัด (Horeca Management Co.,Ltd.) บริษัทในเครือกลุ่มไทยเบฟ ได้จัดตั้งขึ้นเพื่อดูแล และบริหารช่องทางการจำหน่ายลูกค้าร้านอาหาร โรงแรม และธุรกิจการบริการและท่องเที่ยว (Hotel, Restaurant and Catering) ซึ่งตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ทางโฮเรก้า แมนเนจเม้นท์ ได้ดำเนินงานด้านการขาย โดยยึดหลักการบริการอย่างมืออาชีพและมีความรับผิดชอบต่อสังคม ทั้งในด้านการจำหน่ายผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ และการให้บริการหลังการขายที่ให้ความเชื่อมั่นให้กับลูกค้า โดยผ่านกิจกรรม ที่หลากหลาย เช่น การเดินสายทั่วประเทศอบรมให้ความรู้เรื่องผลิตภัณฑ์ การเก็บรักษาดูแลผลิตภัณฑ์ให้มีคุณภาพดี (Perfect Serve) การเยี่ยมชมโรงงานเบียร์และสุราแม่โขง (บริษัท คอสมอส บริวเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด และบริษัทสุราบางยี่ขัน จำกัด ตามลำดับ) และการอบรมเชิงปฏิบัติการ Serve Responsibly หรือการให้บริการอย่างรับผิดชอบต่อสังคมตามหลักมาตรฐานสากล
การเชิญคู่ค้าเข้าเยี่ยมชมโรงงาน เพื่อให้ความรู้ด้านผลิตภัณฑ์
เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลิตภัณฑ์และการบริโภคเครื่องดื่มอย่างดีที่สุด ไทยเบฟได้เชิญลูกค้าเข้าเยี่ยมชมโรงงานเบียร์ที่ อ.วังน้อย จ.พระนครศรีอยุธยา (บริษัท คอสมอส บริวเวอรี่ (ประเทศไทย) จำกัด) และโรงงานสุราแม่โขง (บริษัทสุราบางยี่ขัน จำกัด) เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นกระบวนการผลิตที่สะอาด ปลอดภัย ทันสมัยและได้มาตรฐานระดับสากล อีกทั้งให้ความรู้เพิ่มเติมในการเก็บรักษาและการเสิร์ฟเครื่องดื่มอย่างถูกวิธี เช่น การเก็บรักษาถังเบียร์สด อายุต้องไม่เกิน 3 เดือน หลักการ FEFO (First Expired, First Out) คือการนำสินค้าออกมาจำหน่ายก่อนสินค้าหมดอายุ การเสิร์ฟเบียร์ควรอยู่ที่ 4–8 องศา เพื่อจะได้สัมผัสรสชาติที่ดีที่สุด (Perfect Serve) การรินเบียร์ควรเอียง 45 องศา เพื่อให้เกิดฟองเบียร์ที่พอดีชวนดื่ม

แบ่งปันคุณค่า

คุณจุลพัฒน์ เจริญเลิศ
Principal Bartender #FindThePhotoBooth

ความรู้สึกที่ได้รับจากการมาเยี่ยมชมก็เป็นความรู้สึกที่ดีนะครับ เพราะผมทำงานในด้านเครื่องดื่ม แล้วก็เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้เห็นโรงกลั่นแบบจริงๆ เห็นวิธีการทำงานว่าเป็นอย่างไรบ้าง จากที่ปกติ เราได้เรียนรู้แค่จากทางทฤษฎีหรือเห็นแค่ในภาพ

วันนี้เรามาเห็นโรงกลั่นที่เป็นของจริง แล้วก็ถึงคิววิทยากรที่ให้ความรู้ ในเรื่องของการกลั่นเหล้ากับเรา และให้ความรู้ต่างๆ ในเรื่องของผลิตภัณฑ์ของแม่โขงและไทยเบฟนะครับ อันนี้เป็นเรื่องที่ประทับใจที่สุดครับ ได้ความรู้จากการกลั่นเหล้า ที่ชอบมากที่สุดก็ใน Gallery มีการจำลองรูปแบบโรงกลั่นซึ่งทำออกมาได้สวยงาม แล้วเข้าใจถึงประวัติความเป็นมาในเรื่องราวของแม่โขงซึ่งมีประวัติยาวนาน อยู่คู่คนไทยมานาน

 

คุณนิติศักดิ์ ลาภหิรัญ
Floor manager #FindTheLockerRoom

การมาครั้งนี้ก็ได้ประสบการณ์ครับ ก็ได้เรียนรู้อะไรไหม่ๆ เกี่ยวกับสุราไทย

ชอบที่สุดคือการที่ได้ไปในโรงกลั่นครับผม ได้ไปเห็นของจริง คือจริงๆแล้ว เราอ่านหนังสือมาเยอะ เราอ่านหนังสือเกี่ยวกับพวกการผลิตเหล้า แต่ว่าวันนี้ได้เห็นของจริง ได้เห็นวิธีการทำจริงๆ ครับ

การให้บริการอย่างมีความรับผิดชอบ หรือ Serve responsibly
ไทยเบฟเห็นถึงความสำคัญของการให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างมีความรับผิดชอบ และมีความประสงค์ที่จะผลักดันให้พนักงานบริการและตัวแทนคู่ค้าของเราให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างมีจิตสำนึกต่อผู้บริโภค และไม่บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ให้กับคนที่ดื่มจนมีสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมดื่มได้อีก เพื่อลดปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้นในสังคม ไทยเบฟจึงจัดอบรม เชิงปฏิบัติการเพื่อให้ความรู้ด้านกฎหมายและข้อมูลทางการแพทย์ โดยเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านต่างๆ เช่น แพทย์ ตำรวจ และ นักกฎหมาย มาให้ความรู้เกี่ยวกับปัจจัยที่มีผลต่อร่างกายจากการดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงแนวทางการปฏิบัติเพื่อให้บริการอย่าง มีความรับผิดชอบ โดยหลังจากจบหลักสูตร ทางไทยเบฟจะมอบประกาศนียบัตรเพื่อรับรองว่าพนักงานได้ผ่านการอบรมการ ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างมีความรับผิดชอบต่อสังคม ซึ่งที่ผ่านมา ไทยเบฟได้จัดอบรมมาแล้ว 5 ครั้ง โดยเชิญลูกค้าโรงแรมและร้านค้าพรีเมียมจากกรุงเทพฯ 3 ครั้ง ชะอำ 1 ครั้ง และพัทยา 1 ครั้ง ซึ่งมีจำนวนผู้เข้าร่วมอบรมมากกว่า 300 คน

จากการศึกษาข้อมูลของทีมงานพบว่า พนักงานผู้ให้บริการเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ 1 คน จะให้บริการลูกค้าเฉลี่ย 20 คน ต่อวัน หรือประมาณ 500 คน ต่อเดือน และ 6,000 คน ต่อปี (คิดจากจำนวนวันทำงาน 25 วัน/เดือน) ดังนั้น หากมีพนักงาน ได้เข้ารับการอบรมนี้จำนวน 200 คนต่อปี ไทยเบฟคาดว่าพนักงานเหล่านี้จะสามารถมีส่วนในการเตือนผู้บริโภคที่บริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ได้ถึง 1,200,000 คน ต่อปี

โครงการนี้สอดคล้องกับการพัฒนาอย่างยั่งยืนของสหประชาชาติ (UN SDGs) ข้อ 3 ประเด็นการดื่มแอลกอฮอล์ในระดับอันตราย นิยามตามบริบทของประเทศ หลังจากเริ่มโครงการนี้พบว่า พนักงานที่ได้ผ่านการอบรมนี้ สามารถนำความรู้ที่ได้รับไปใช้ ในการปฏิบัติงาน คือหยุดเสิร์ฟให้กับลูกค้าที่เริ่มมีอาการ สภาพร่างกายที่ไม่ควรจะดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์เพิ่มเติมอีก (ด้วยความรับผิดชอบต่อสังคม ปริมาณการเสิร์ฟลดลงไป ร้อยละ 33)

เป้าหมายในอนาคต
  • ขยายผลไปยังโรงแรมและร้านอาหารพรีเมียมในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ โดยเน้นหัวเมืองใหญ่ในแต่ละภูมิภาค เช่น เชียงใหม่ เชียงราย นครราชสีมา ภูเก็ต ฯลฯ
  • มีแผนที่จะขยายผลในการจัดกิจกรรมเพิ่มเติม โดยจะจัดกิจกรรมการประกวดคลิปวิดีโอหัวข้อ Serve responsibly ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการนี้ สำหรับนำมาใช้ในการอบรม ทั้งนี้ เพื่อขยายฐานการรับรู้ให้กับผู้คนในสังคมมากยิ่งขึ้น และร่วมปลูกจิตสำนึกเพื่อช่วยกันสร้างสรรค์ให้เป็นสังคม ที่ปลอดภัยและน่าอยู่มากขึ้น

คุณบวร พงศ์สุภาพ
Captain โรงแรม Anantara Sathorn Bangkok

หลังจากที่ได้เข้ารับการอบรม ทำให้เราต้องตระหนักถึงเรื่องความปลอดภัยและสุขภาพของลูกค้ามากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เคยคิดว่า แค่บริการให้ลูกค้าพึงพอใจและมีความสุขก็เพียงพอแล้ว ต้องขอขอบคุณทางไทยเบฟมากๆ ที่มาให้ความรู้ในครั้งนี้

คุณยงยุทธ อุดมพัฒน์
Wine Guru โรงแรม Anantara Riverside Bangkok Resort

การอบรมนี้ทำให้ได้รับทั้งความรู้และความสนุกจากการทำกิจกรรม Workshop และทำให้เข้าใจว่าทำไมต้องให้บริการอย่างมีความ รับผิดชอบ ซึ่งจะนำความรู้ทั้งหมดไปบอกต่อเพื่อนร่วมงาน ให้รับทราบและช่วยกันปฏิบัติ

คุณประภัสสร บุญทองช่วย
Supervisor โรงแรม Laksasubha Hua Hin

ขอขอบคุณทางไทยเบฟที่เปิดโอกาสให้ได้เข้าร่วมโครงการดีๆ ทำให้ตระหนักถึงเรื่องการให้บริการอย่างมีความรับผิดชอบมากขึ้น ซึ่งไทยเบฟไม่ได้มุ่งเน้นแต่เรื่องการผลิตและการจำหน่ายเท่านั้น แต่ไทยเบฟยังสร้างสิ่งดีๆ ให้กับสังคม สังคมไทยจะได้น่าอยู่มากขึ้นค่ะ

ทิศทางการดำเนินงาน
ถึงแม้จะมีการวัดผลและประเมินความพึงพอใจของลูกค้าในแต่ละ ช่องทางการจัดจำหน่าย แต่ไทยเบฟก็ไม่เคยหยุดนิ่ง ยังคงพัฒนาและนำเทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับลูกค้าหรือผู้บริโภคสินค้าของไทยเบฟ ทำให้ลูกค้าสามารถติดต่อสื่อสารกับไทยเบฟได้ง่ายและสะดวกขึ้น เช่น ลูกค้าที่ใช้บริการร้านอาหารในเครือไทยเบฟสามารถแสดงความคิดเห็นหรือร้องเรียน (ถ้ามี) ผ่าน QR Code หรือลูกค้าที่ใช้บริการร้านอาหารในเครือโออิชิกรุ๊ปสามารถใช้ Mobile Application ชื่อ OISHI Pointo เปลี่ยนการใช้จ่ายมาเป็นคะแนนสะสม เพื่อใช้คะแนนสะสมแทนเงินสดในการใช้บริการโดยไม่ต้องพกบัตรสมาชิก

รายงาน
การพัฒนาที่ยั่งยืน 2561