ผู้อำนวยการฝ่ายผลิต
บริษัท เบียร์ไทย (1991) จำกัด (มหาชน)
น้ำจัดเป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญยิ่งในกระบวนการผลิต โดยความต้องการทรัพยากรน้ำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น แต่มีขีดจำกัดด้านปริมาณที่ลดลงเนื่องจากแหล่งน้ำทรุดโทรม มลพิษทางน้ำ รวมทั้งผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ กลุ่มธุรกิจเบียร์ได้ให้ความสำคัญต่อการอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำเพื่อให้มีคุณภาพที่ดีและปริมาณที่เพียงพอต่อการผลิต รวมทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อชุมชน จึงกำหนดให้ “การบริหารจัดการน้ำ” เป็นหนึ่งในความเสี่ยงของกลุ่มธุรกิจ และได้กำหนดให้มีระบบติดตามการเปลี่ยนแปลงทั้งคุณภาพและปริมาณอย่างใกล้ชิดเพื่อลดผลกระทบดังกล่าว โดยเราได้มีการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำด้วยเครื่องมือ Aqueduct Water Risk โดย World Resources Institute (WRI) พบว่ามีหลายโรงงานอยู่ในพื้นที่ที่ความตึงเครียดทางด้านน้ำสูง ทำให้เราได้เพิ่มความร่วมมือกับทางภาคเอกชน และรัฐบาล เพื่อร่วมกันดูแลและวางมาตรการที่จำเป็นที่เกี่ยวข้องกับการใช้น้ำและการอนุรักษ์น้ำอย่างเหมาะสม
ในปีนี้เองทางบริษัท เบียร์ไทย (1991) จำกัด (มหาชน) ได้เข้าร่วมการประเมินความยั่งยืนของการใช้น้ำ ซึ่งเป็นการประเมินความเสี่ยงด้านน้ำเชิงลึก และมีการใช้เทคโนโลยีทางด้านดาวเทียมเข้ามาเป็นเครื่องมือในการประเมินเพื่อศึกษาสภาพภูมิศาสตร์ที่เปลี่ยนแปลง ทำให้สามารถวางแผนการพัฒนาทางด้านพื้นที่ทั้งภายในและภายนอกโรงงานที่เกี่ยวข้องกับชุมชนได้ถูกต้อง และในขณะเดียวกันเรายังให้ความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐในการเข้าร่วมโครงการอุตสาหกรรมเติมน้ำใต้ดินระดับตื้น กับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สถาบันน้ำและสิ่งแวดล้อมเพื่อความยั่งยืน เพื่อกักเก็บน้ำฝนและเพิ่มน้ำใต้ดินระยะยาว รวมไปถึงเป็นการสร้างความสัมพันธ์อันดีกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรอบด้าน
กลุ่มเบียร์ได้สร้างวัฒนธรรมด้านนวัตกรรมผ่านระบบการบำรุงรักษาทวีผลที่ทุกคนมีส่วนร่วม (Total Productive Maintenance; TPM) เพื่อส่งเสริมให้พนักงานร่วมกันนำเสนอแนวคิดการประหยัดน้ำผ่านหลัก 3Rs นั่นก็คือ การลด (Reduce) การใช้ซ้ำ (Reuse) และการนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) เช่น โครงการนำน้ำจากกระบวนการล้างแบบวิธีการล้างย้อน (Backwash) ไปใช้เป็นน้ำตั้งต้นในกระบวนการผลิตน้ำประปา และโครงการปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้น้ำในกระบวนการล้าง (Cleaning In Place; CIP) โดยปรับกระบวนการล้างให้สามารถใช้น้ำล้างสุดท้าย (Final Rinse) ให้สามารถนำมาใช้เป็นน้ำแรก (Pre flush) ได้ด้วย รวมไปถึงมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาพิจารณาใช้ในกระบวนการเพื่อให้เกิดการใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ในการพิจารณาการสร้างโรงงานผลิต ความยั่งยืนของทรัพยากรน้ำทั้งด้านคุณภาพ ปริมาณ และการบริหารจัดการไม่ให้มีผลกระทบต่อชุมชนเป็นปัจจัยหลักในการพิจารณาการตั้งโรงงาน เช่นเดียวกับการคัดเลือกเครื่องจักร เทคโนโลยีที่คำนึงถึงประสิทธิภาพในการใช้น้ำและพลังงาน
สำหรับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีเพื่อลดผลกระทบกับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียรอบโรงงาน โดยได้ร่วมพัฒนาระบบน้ำดื่มเพื่อให้เด็กนักเรียนและบุคลากรได้มีโอกาสเข้าถึงน้ำดื่มที่สะอาดถูกหลักอนามัย มีสุขภาพที่ดี จึงได้จัดทำโครงการ “น้ำดื่มสะอาด เพื่อน้อง” และได้ติดตามคุณภาพอย่างต่อเนื่อง เช่น การตรวจวัดคุณภาพน้ำทุกเดือน เพื่อให้มั่นใจว่าน้ำดื่มนั้นมีคุณภาพที่ผ่านเกณฑ์ทุกค่าตามมาตรฐานน้ำดื่ม และยังมีโครงการอื่น ๆ ที่ได้ทำร่วมกับชุมชน เช่น ร่วมพัฒนาระบบทางน้ำสาธารณะ โดยการขุดลอก และขยายเส้นทางน้ำ เพื่อไม่ให้กระทบชุมชนในกรณีน้ำหลาก และป้องกันไม่ให้เกิดการกักขังของน้ำเน่าเสีย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อระบบสุขอนามัยและสุขาภิบาลของชุมชนบริเวณโดยรอบของโรงงานอีกด้วย