คณะกรรมการบริษัทมีหน้าที่รับผิดชอบในการกำกับดูแลธุรกิจ กำหนดกลยุทธ์การดำเนินงานและพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างมั่นคงและยั่งยืน โดยให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่ายได้รับประโยชน์อย่างสมดุลกัน ภายใต้กลยุทธ์การพัฒนาความยั่งยืนขององค์กร ไทยเบฟเชื่อมั่นว่าจะสามารถเติบโตและสร้างโอกาสที่ไร้ขีดจำกัด ให้แก่ธุรกิจและสังคมโดยรวมได้ต่อไป
คณะกรรมการบริษัทแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยง (Sustainability and Risk Management Committee: SRMC) เพื่อทำหน้าที่กำหนดนโยบายความยั่งยืนและการบริหารความเสี่ยง กำหนดกลยุทธ์ด้านการพัฒนาองค์กรของกลุ่มไทยเบฟอย่างยั่งยืน รวมถึงกำกับดูแลกิจกรรมการพัฒนาที่ยั่งยืนและการบริหารความเสี่ยงให้สอดคล้องกับนโยบายและกลยุทธ์ที่คณะกรรมการกำหนดไว้
เพื่อขับเคลื่อนการพัฒนาความยั่งยืนให้เกิดเป็นรูปธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่แต่งตั้งคณะกรรมการพัฒนาความยั่งยืนทางธุรกิจ (Corporate Sustainable Development Committee: CSDC) เพื่อรับผิดชอบในการพิจารณา วางแผน และดำเนินการด้านการพัฒนาความยั่งยืนของไทยเบฟให้สอดคล้องกับทิศทางการดำเนินงานและกลยุทธ์ขององค์กรที่กำหนดโดยคณะกรรมการบริษัทหรือคณะกรรมการบริหาร นอกจากนี้ ยังมีคณะทำงานพัฒนาความยั่งยืนทางธุรกิจ (Sustainable Development Working Team: SDWT) ประกอบด้วยตัวแทนจากสายงานต่างๆ ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบในการจัดทำแผนงานและโครงการสนับสนุนแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน รวมทั้งมีส่วนร่วมในกระบวนการประเมินสาระสำคัญด้านความยั่งยืนขององค์กร ด้วยการทวนสอบความครบถ้วนของแผนงาน พร้อมทั้งติดตามการดำเนินงานด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืนและรายงานผลต่อคณะกรรมการพัฒนาความยั่งยืนทางธุรกิจและคณะกรรมการบริหารความยั่งยืนและความเสี่ยง
ไทยเบฟเข้าร่วมการประเมินความยั่งยืน Dow Jones Sustainability Indices (DJSI) หรือดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ต่อเนื่องเป็นปีที่ 6 และในปี 2563 ไทยเบฟได้รับคัดเลือกเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมเครื่องดื่ม ถือเป็นบริษัทในอาเซียนเพียงบริษัทเดียวที่ได้รับการประเมินเป็นสมาชิกในดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ (DJSI Emerging Markets) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 และกลุ่มดัชนีโลก (DJSI World) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 4 นอกจากนี้ ไทยเบฟยังได้รับเลือกให้เป็นบริษัทที่มีการพัฒนาความยั่งยืนเร็วที่สุด (Industry Mover) ในปี 2560 และ 2561
ไทยเบฟให้ความสำคัญกับประเด็นสิ่งแวดล้อมเป็นอันดับแรก หากสิ่งแวดล้อมถูกทำลาย ชุมชนก็จะอยู่ไม่ได้ ส่งผลกระทบต่อสังคมในภาพรวม ทำให้ธุรกิจไม่สามารถดำเนินการต่อไปได้ ดังนั้น สิ่งแวดล้อม ชุมชน สังคม จึงเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องมีความเกื้อกูลกันและดำรงอยู่อย่างสอดคล้องสนับสนุนซึ่งกันและกัน
ในระดับประเทศ ไทยเบฟผนึกกำลังร่วมกับองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนของประเทศไทย ร่วมกันขับเคลื่อนการพัฒนาอย่างยั่งยืน โดยจัดงาน Thailand Sustainability Expo 2020 (TSX) ขึ้นเป็นครั้งแรกภายใต้แนวคิด “พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก” (Sufficiency for Sustainability) ขณะเดียวกันยังเป็นผู้นำในการรวมเครือข่ายธุรกิจห่วงโซ่อุปทานแห่งประเทศไทย หรือ TSCN (Thailand Supply Chain Network) เพื่อระดมพลังและสร้างความแข็งแกร่งให้กับห่วงโซ่อุปทานของประเทศไทย โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อร่วมกัน (1) ปกป้องมูลค่าของการลงทุน (Protecting the value) เช่น การบริหารความต่อเนื่องทางธุรกิจ การเงิน ความรับผิดชอบต่อสังคมขององค์กร (Corporate Social Responsibility) และ (2) สร้างเสริมคุณค่าของการลงทุน เช่น การสร้างความร่วมมือเพื่อส่งเสริมประสิทธิภาพการดําเนินงานที่มีอยู่เดิม อาทิ cross-selling, cross-training, การลงทุนร่วม หรือการใช้ทรัพยากรร่วมกัน เป็นต้น รวมไปถึง (3) สร้างนวัตกรรมและต่อยอดการลงทุน โดยมีโครงการความร่วมมือ เช่น กองทุนร่วมเพื่อการลงทุนในวิสาหกิจเริ่มต้น (Startup) cross-sharing ทักษะพนักงาน หรือการพัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อร่วมมือกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศให้มั่นคงและยั่งยืน