คุณการันต์ ตระกูลเอี่ยมเจริญ
ผู้จัดการอีเวนต์
“ผมได้เข้าร่วมทำกิจกรรมในโครงการไทยเบฟ...รวมใจต้านภัยหนาวนานถึง 10 ปี ตั้งแต่สมัยเป็นเจ้าหน้าที่อยู่พิษณุโลก ได้ดำเนินกิจกรรมเรื่อยมา ทุกครั้งที่มาแจกผ้าห่ม ผมรู้สึกดีกับการได้เป็นผู้ให้ ได้คืนกำไรต่อสังคม ต่อผู้บริโภค แสดงให้เห็นถึงความห่วงใย ดูแลซึ่งกันและกัน ปัจจุบันเรามีพันธมิตรเข้ามาร่วมแจก ร่วมสนับสนุนกิจกรรมมากขึ้น รู้สึกดีทุกครั้งที่มามอบ เป็นกิจกรรมดี ๆ ที่ควรรักษาไว้”
คุณเดือน จิตสระคำ
อายุ 70 ปี
ประชาชนที่ประสบภัยหนาวและได้รับผ้าห่มจากไทยเบฟ
ที่นี่อากาศหนาวมาก ๆ ในวันนี้ต้องขอบคุณไทยเบฟและรู้สึกอบอุ่นใจ สนุกสนาน ปลื้มใจมาก ๆ
เป็นโครงการที่ดำเนินงานมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 8 โดยมุ่งหวังที่จะสร้างโอกาสให้เด็กและเยาวชนจำนวนกว่า 3,500 คนที่อยู่ในชุมชนรอบโรงงานและบริษัทในกลุ่มไทยเบฟได้พัฒนาความรู้ ความสามารถด้วยกิจกรรมเสริมทักษะ 3 ด้าน ดังนี้
- ด้านกีฬาฟุตบอล
นำผู้ฝึกสอนและวิทยากรจากไทยเบฟ ฟุตบอล อคาเดมี่ มาให้ความรู้และสอนทักษะพื้นฐานให้เยาวชนเหมือนกับการฝึกนักกีฬามืออาชีพ
- ด้านดนตรีและการขับร้อง
ฝึกสอนโดยวิทยากรจากมูลนิธิอาจารย์สุกรี เจริญสุข โดยคัดเลือกโรงเรียนที่มีความสนใจในการพัฒนาวงดุริยางค์และวงดนตรีสากล เพื่อฝึกฝนต่อเนื่องและต่อยอดไปจนถึงสามารถเข้าประกวดในระดับสหวิทยาเขต จำนวน 5 คน และหารายได้เองในอนาคต
- ด้านศิลปะ
จัดกิจกรรมสอนศิลปะประดิษฐ์และการทำผลิตภัณฑ์ชุมชน เช่น การทำลูกประคบ จักสานไม้ไผ่ และเขียนไหบ้านเชียง เป็นต้น โดยมีวิทยากรจากชุมชนต่าง ๆ เพื่อจุดประกายให้นักเรียนมีความคิดสร้างสรรค์ สร้างผลงาน และยังสร้างรายได้ให้ตัวเองอีกด้วย ซึ่งไทยเบฟมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนเก็บเกี่ยวความรู้และประสบการณ์ที่ได้รับจากการจัดกิจกรรมนำไปฝึกฝนต่อเนื่องและพัฒนาต่อยอดเป็นอาชีพได้ในอนาคต
“การเข้าร่วมกับกิจกรรมชุมชนดีมีรอยยิ้ม ช่วยให้มูลนิธิได้สอนและสร้างโอกาสให้เยาวชนในพื้นที่ต่าง ๆ ที่ทางมูลนิธิเองยังเข้าไม่ถึง เช่น ในชุมชนห่างไกล ได้ลงพื้นที่ครอบคลุมมากขึ้น เพราะทำมา 8 ปี ได้ลงแทบทุกพื้นที่กับไทยเบฟ นำความรู้ทางด้านดนตรีที่ถูกต้องไปสอนให้เด็กได้ฝึก ได้เรียน สร้างศักยภาพให้เขาเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ในอนาคต”
คุณนันทนา สีละสาร
กัปตันทีมหินโคน อคาเดมี่ นักเรียนที่เข้าร่วมกิจกรรมชุมชนดีมีรอยยิ้ม
ในทักษะด้านกีฬา (ฟุตบอล)
“ได้เรียนรู้ทักษะการเลี้ยงบอล ส่งบอล และที่สำคัญได้รู้หลักโภชนาการในการรับประทานอาหารก่อนแข่งและหลังแข่ง ซึ่งจะนำไปฝึกฝนเพิ่มเติมทุกวัน เพราะกีฬาฟุตบอลเป็นกีฬาที่ต้องฝึกฝนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เกิดความชำนาญมากขึ้น และจะได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพควบคู่ไปกับการเรียนด้วย”
ก่อนทำการสร้างท่อระบายน้ำ
ระหว่างการสร้างท่อระบายน้ำ
หลังทำการซ่อมท่อระบายน้ำ
การดำเนินงานบริหารจัดการทรัพยากรน้ำชุมชน ไทยเบฟได้ร่วมมือกับมูลนิธิอุทกพัฒน์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ โดยน้อมนำหลักการทรงงาน คิดแบบภาพใหญ่ ทำแบบลงในรายละเอียด ของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มาปรับใช้ เนื่องจากการบริหารจัดการน้ำของประเทศต้องมองภาพรวมทั้งประเทศให้เป็นระบบภาพใหญ่ โดยมีพื้นที่เก็บกักน้ำขนาดใหญ่ ขนาดกลาง และขนาดเล็ก ที่เชื่อมโยงเข้าหากัน แต่เพราะเราไม่สามารถทำทั้งหมดไปพร้อมกันได้ จึงเริ่มต้นที่การบริหารจัดการน้ำระดับชุมชน ใช้กระบวนการเรียนรู้และลงมือทำงานร่วมกับชุมชน โดยให้ชุมชนเป็นเจ้าของและสนับสนุนการประยุกต์ใช้วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อให้ชุมชนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ให้เหมาะสมกับสภาพสังคม สามารถ
“หาน้ำได้” “ใช้น้ำเป็น” “มีน้ำสำรอง” และ
“บริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพ” นำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ทั้งด้านน้ำ ด้านผลผลิต ด้านเศรษฐกิจ และคุณภาพชีวิต
ไทยเบฟได้ร่วมดำเนินงานในพื้นที่ชุมชนบ้านหนองปิ้งไก่ ตำบลนาบ่อคำ อำเภอเมืองกำแพงเพชร จังหวัดกำแพงเพชร แก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งและน้ำหลากในช่วงฤดูฝน โดยการฟื้นฟู ขุดลอกคลองเต่าใต้ และจัดทำโครงสร้างทางน้ำระยะทาง 3,100 เมตร เพื่อลดความแรงของน้ำในฤดูน้ำหลาก และปรับปรุงฝายเดิมเพื่อเพิ่มแหล่งกักเก็บ สำรองน้ำ และส่งน้ำไปยังพื้นที่การเกษตรได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและทั่วถึง โดยชุมชนร่วมกันวางกฎกติกาการใช้น้ำ วิธีการแบ่งสันน้ำ และมีการบริหารจัดการน้ำในรูปแบบคณะอนุกรรมการกลุ่มอย่างเป็นระบบ ซึ่งมีพื้นที่เกษตรได้รับผลประโยชน์ 9,564 ไร่ 588 ครัวเรือน ครอบคลุม 4 หมู่บ้าน
คุณมูล นาระต๊ะ
เกษตรกรชุมชนหนองปิ้งไก่
จังหวัดกำแพงเพชร
“ปัญหาเดิมของพื้นที่คือ ฝายคลองเต่า เวลาน้ำหลากมาจะเกิดน้ำเอ่อล้นในพื้นที่ ทำให้ทำมาหากินลำบาก ส่วนหน้าแล้งก็ต้องปล่อยน้ำจากคลองสวนหมากเข้าแปลงเกษตรกร โดยใช้เวลา 3-4 วัน จนไทยเบฟและมูลนิธิอุทกพัฒน์มาช่วยสนับสนุนปรับปรุงเส้นคลอง การจัดการก็ดีขึ้น น้ำไม่หลากในช่วงหน้าน้ำ หน้าแล้งน้ำก็ใช้เวลาเพียง 3 ชั่วโมงในการปล่อยน้ำเข้าสู่แปลงเกษตรกร”
คุณสงัด พาสุวรรณ
เกษตรกรชุมชนหนองปิ้งไก่
จังหวัดกำแพงเพชร
“เมื่อก่อนมีท่อชลประทานที่ทำวางไว้ด้านบนเกิดยุบตัว ทำให้น้ำข้ามไปไม่ได้ ยิ่งช่วงฤดูน้ำหลาก เดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ยิ่งทำให้น้ำท่วมเอ่อ โครงสร้างก็ยิ่งทรุด จนเมื่อไทยเบฟและมูลนิธิอุทกพัฒน์มาปรับปรุงคลอง ทำให้น้ำวิ่งเข้าแปลงเกษตรสะดวกขึ้น เกษตรกรดีใจที่ได้รับการสนับสนุนครั้งนี้”
จากผลกระทบของป่าที่เสื่อมสภาพ ขาดสมดุลทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลมาจากวิถีชีวิตของชุมชนที่อาศัยอยู่บนภูเขาสูงที่ต้องเลือกปลูกพืชเชิงเดี่ยวที่ใช้น้ำเพียงช่วงฤดูฝนและต้องการการดูแลที่ไม่มากนัก รวมถึงปัญหาการแผ้วถางเผาทำลายป่า การใช้สารเคมีจำนวนมากอย่างต่อเนื่อง ไทยเบฟจึงได้ร่วมกับศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ นำรูปแบบการพัฒนาตามแนวพระราชดำริ มาประยุกต์และปรับใช้ในการพัฒนาพื้นที่ที่จังหวัดน่าน เพื่อเป็นการฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร และสร้างคน สร้างป่า พัฒนาคุณภาพชีวิต โดยคัดเลือกเกษตรกรในหมู่บ้านที่เป็นพื้นที่เป้าหมายของโครงการ 2 แห่ง คือ หมู่บ้านศรีนาป่าน อำเภอเมืองน่าน และหมู่บ้านน้ำปูน อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน จำนวน 217 ราย
โดยนำองค์ความรู้จากศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ ด้านการเกษตร การปศุสัตว์ และการประมง เพื่อให้ชุมชนได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ และพึ่งพาตนเองได้ รวมถึงนำชุมชนศึกษาดูงานที่ศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้ฯ จังหวัดเชียงใหม่ แล้วนำมาปรับใช้ให้เหมาะสมกับบริบทในพื้นที่ของตนเอง นอกจากนี้ยังมอบปัจจัยการผลิต เช่น หมู ไก่ กบ ปลาดุก ปลานิล ให้แก่เกษตรกรได้นำไปพัฒนาคุณภาพชีวิต พร้อมกับส่งเสริมการอนุรักษ์ป่าไม้ สิ่งแวดล้อมโดยการเพาะต้นกล้า การปลูกป่า และการทำฝายชะลอความชุ่มชื้น เป็นต้น ซึ่งปัจจุบันโครงการได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเข้าสู่ปีที่ 5
โดยไทยเบฟได้ติดตามความก้าวหน้าของเกษตรกรอย่างใกล้ชิดและสม่ำเสมอ และมุ่งหวังว่าเกษตรกรทั้ง 2 หมู่บ้านจะมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีอาชีพที่มั่นคง และตระหนักรู้ถึงผลเสียของการตัดไม้ทำลายป่า จากการสำรวจล่าสุดพบว่า เกษตรกรมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น สามารถมีอาหารรับประทานและจำหน่ายสร้างรายได้อย่างต่อเนื่อง เดือนละไม่ต่ำกว่า 3,000 บาทต่อครอบครัว และได้ผืนป่ากลับคืนมา 3 ไร่ต่อเกษตรกร 1 รายที่ร่วมโครงการ
พนักงานไทยเบฟร่วมกันทำบ่อเลี้ยงปลานิล (ปูผ้าดิบเคลือบยางพาราผสมเพื่อป้องกันน้ำซึม) เพื่อโครงการอาหารกลางวันของนักเรียนโรงเรียนบ้านศรีคีรีรักษ์
เพื่อส่งเสริมนโยบายของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ต้องการให้ภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมในการฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นที่เขาสูงชันที่เสื่อมสภาพหรือเขาห้วโล้น ในพื้นที่เป้าหมายหรือพื้นที่นำร่องใน 13 จังหวัด คือ เชียงใหม่ น่าน เชียงราย ตาก แม่ฮ่องสอน เพชรบูรณ์ พิษณุโลก พะเยา แพร่ อุตรดิตถ์ ลำปาง ลำพูน และเลย ให้กลับมาสมบูรณ์อีกครั้ง ไทยเบฟจึงได้อาสาเข้าร่วมฟื้นฟูป่าต้นน้ำในพื้นที่จังหวัดตาก ที่หมู่บ้านศรีคีรีรักษ์ ตำบลเชียงทอง อำเภอวังเจ้า ซึ่งเป็นหมู่บ้านขนาดเล็กที่มีประชากร 994 คน 189 ครัวเรือน ซึ่งมีพื้นที่ป่าเสื่อมสภาพจำนวน 157.38 ไร่
โดยร่วมกันปลูกและดูแลต้นกล้า อีกทั้งนำพืชเศรษฐกิจหลายชนิดที่เหมาะสมกับพื้นที่และได้รับอนุญาตมาปลูกสลับกับไม้เบญจพรรณ เพื่อการอยู่ร่วมกันระหว่างคนกับป่าได้อย่างเกื้อกูล นอกจากนี้ยังนำความรู้และปัจจัยการผลิตทั้งด้านเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และการประมง มาส่งเสริมสนับสนุนให้แก่ชุมชนรอบพื้นที่ป่า เช่น การเพาะเห็ด การเลี้ยงไก่ไข่ เลี้ยงไก่เนื้อ การเลี้ยงและเพาะพันธุ์ปลานิลเพื่อโครงการอาหารกลางวันสำหรับนักเรียน ทั้งนี้เพื่อลดรายจ่ายครัวเรือนและเสริมอาชีพให้ชุมชนพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน โดยในระยะเวลาอีก 2-3 ปีข้างหน้า คาดว่าจะมีพื้นที่ป่าสีเขียวมากขึ้น เป็นจำนวนกว่า 50 ไร่
ไทยเบฟสนับสนุนการฟื้นฟูพื้นที่ป่าไม้และความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่อุทยานสิ่งแวดล้อมนานาชาติสิรินธร จังหวัดเพชรบุรี ในพื้นที่จำนวน 17 ไร่ ภายใต้โครงการรวมพลังพลิกฟื้นคืนธรรมชาติสู่สิ่งแวดล้อมเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เนื่องในโอกาสมหามงคลทรงเจริญพระชนมายุ 5 รอบ โดยมอบงบประมาณ 2,978,400 บาท และนำคณะผู้บริหารและพนักงานจิตอาสา ในกลุ่มไทยเบฟเข้าไปร่วมกันฟื้นฟูและปลูกป่า ทั้งป่าบกและป่าชายเลน ตลอดระยะเวลา 6 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2563
ในปี 2562 ไทยเบฟดำเนินการดูแลบำรุงรักษาต้นไม้ที่ปลูกเสริมและต้นไม้เดิมในพื้นที่ทั้งหมด 17 ไร่ โดยใช้ระบบน้ำหยด และใช้รถบรรทุกฉีดน้ำพ่นในพื้นที่ปลูกต้นไม้ที่รถสามารถเข้าถึงได้ ใส่ปุ๋ยคอกมูลวัว ปีละ 3 ครั้ง กำจัดวัชพืช ตัดแต่งกิ่งเพื่อเพิ่มการเจริญเติบโตของต้นไม้ โดยแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 แปลง