คือการสร้างสรรค์ด้านศิลปวัฒนธรรม เพื่อเพิ่มมูลค่า สร้างรายได้ให้แก่ศิลปิน ชุมชน สังคม และประเทศ ผ่านกิจกรรมและโครงการ ดังนี้
การเปิดตัวภัณฑารักษ์แห่งงาน บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2020 (BAB 2020) แนวคิด “ESCAPE ROUTES” หรือ “ศิลป์สร้าง ทางสุข” ณ อาคารหอศิลป์ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ (BAB BOX @ One Bangkok)
เทศกาลศิลปะร่วมสมัยนานาชาติ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 (Bangkok Art Biennale 2018 หรือ BAB 2018) นั้นเรียกได้ว่าเป็นปรากฏการณ์และประวัติศาสตร์หน้าสำคัญของวงการศิลปะร่วมสมัยของประเทศไทย ที่ศิลปินจาก 34 ประเทศได้นำผลงานศิลปะจากทั่วโลกมากกว่า 200 ชิ้น มาจัดแสดงในสถานที่สำคัญ 20 แห่งทั่วกรุงเทพฯ สร้างความสุขให้สะพรั่งทั่วกรุงเทพมหานคร โดยบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 ที่ผ่านมา ไทยเบฟให้การสนับสนุนโครงการศิลปะระดับโลก ซึ่งมีระยะเวลาการจัดงานประมาณ 4 เดือน
เม็ดเงินลงทุนกว่า 200 ล้านบาท
บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน)
ผสานความร่วมมือครั้งสำคัญกับ
ภาครัฐ
เครือข่ายพันธมิตร บริษัท (มหาชน)
ห้างร้าน
ภาคส่วนอื่น ๆ
กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว
ของประเทศไทย สร้างเงินสะพัดกว่า
4,500 ล้านบาท
นักท่องเที่ยวชาวไทยและต่างประเทศ
เข้าชมงานกว่า 3 ล้านคน
แบ่งเป็น
- นักท่องเที่ยวต่างชาติ 1.44 ล้านคน
- คณะเอกอัครราชทูต ทูตวัฒนธรรม
และครอบครัว จากกว่า 20 ประเทศ
- หน่วยงานศิลปะ สมาคม โรงแรม
พิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี ศิลปินจากทั่วโลก
ผู้เข้าชมงาน
BAB 2018 มากกว่า
260,000 คน
ผู้เข้าชมเดือนตุลาคม 2561 ถึงปลายเดือนมกราคม 2562 ที่หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
มีสถาบันการศึกษา
มากกว่า
80 สถาบัน ที่ขอเข้าเยี่ยมชมเป็นหมู่คณะ
ผู้เข้าชมงานศิลปะทั้ง 20 สถานที่
จัดแสดงผลงาน เฉลี่ยแล้วมากกว่า
45,000 คน/วัน
ผู้เข้าชมรวมทั้ง 3 วัด
เฉลี่ยมากกว่า 11,000 คน/วัน
รวมนักท่องเที่ยวชาวไทยและชาวต่างชาติ
เฉพาะชาวต่างชาติเฉลี่ยมากกว่า 6,000 คน/วัน
วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร
มีจํานวนนักท่องเที่ยว
255,278 คน
ตลอดงาน
วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร
มีจํานวนนักท่องเที่ยว
364,060 คน
ตลอดงาน
วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร
มีจํานวนนักท่องเที่ยว
55,808 คน
ตลอดงาน
47.2 ล้านคน
ทั่วโลก
พบเห็นข่าวสารทาง
สื่อสังคมออนไลน์
ได้รับการพูดถึงใน
สื่อสังคมออนไลน์
ถึง
16 ล้านคน*
Top 10
ของการจัดอันดับ
ART ASIA PACIFIC
ALMANAC 2019
**ยังไม่นับยอดรวมของกลุ่มคนที่มีอิทธิพลในโลกออนไลน์ หรือ Influencer
จัดโดย Art Asia Pacific Magazine (AAP)
กลุ่มเยาวชนเข้าชมและร่วมทำเวิร์กชอปศิลปะ ณ อาคารหอศิลป์ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ (BAB BOX @ One Bangkok)
คุณฐาปน สิริวัฒนภักดี ประธานมูลนิธิบางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ มอบของที่ระลึก
เนื่องในโอกาสได้รับเชิญจากคุณลุยจิ บรุนญาโร นายกเทศมนตรีนครเวนิส ในโอกาสได้
รับเชิญให้เข้าพบเพื่อแลกเปลี่ยนงานระหว่างไทยกับอิตาลี และร่วมชมเทศกาลแข่งเรือพาย
ประจำปีของนครเวนิส เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 2562 ณ ประเทศอิตาลี
ทั้งนี้ ในปี 2020 เทศกาล BAB จะกลับมาด้วยแนวคิดหลักสุดท้าย “Escape Routes” หรือ “ศิลป์สร้าง ทางสุข” ศิลปะจากศิลปินไทยและศิลปินระดับนานาชาติ ครั้งนี้เข้มข้นและพิเศษยิ่งขึ้นที่ยังคงเอกลักษณ์จัดแสดงผลงานศิลปะบนพื้นที่หลากหลาย ทั้งอาคารประวัติศาสตร์ อีสต์ เอเชียติก พื้นที่มรดกทางวัฒนธรรมอย่างวัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร พื้นที่ศิลปะ BAB BOX โครงการ One Bangkok หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร (BACC) และห้างสรรพสินค้าชั้นนำ
คณะหมูป่าอคาเดมี่ จากจังหวัดเชียงราย เยี่ยมชมงานศิลปะในโครงการ Bangkok Art
Biennale 2018 ณ อาคารหอศิลป์ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ (BAB BOX @ One Bangkok)
ศาสตราจารย์ ดร.อภินันท์ โปษยานนท์
ประธานอำนวยการและผู้อำนวยการศิลป์
บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่
“ไทยเบฟให้ความสำคัญกับการส่งเสริมศิลปวัฒนธรรม ซึ่งถือเป็นอีกหนึ่งพันธกิจสำคัญที่จะช่วยกันบอกเล่าความเป็นไทยไปทั่วโลก และเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลกเดินทางมายังประเทศไทย โครงการ บางกอก อาร์ต เบียนนาเล่ 2018 จึงเป็นปรากฏการณ์ครั้งสำคัญของกรุงเทพฯ ในวงการศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทย ที่ได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ทั้งจากกลุ่มศิลปิน ประชาชน และนักท่องเที่ยวผู้ที่รักงานศิลปะ
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ล้วนเกิดจากการผสานความร่วมมือร่วมใจของเครือข่ายพันธมิตรทุกภาคส่วน ซึ่งต้องขอขอบคุณที่รวมพลังกันผลักดันให้ประเทศของเราถูกขนานนามให้เป็นศูนย์กลางแห่งเมืองศิลปวัฒนธรรมระดับโลก”
งานแถลงข่าว “River Festival 2018 สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย ครั้งที่ 5” แนวคิด “เสียงสุขแห่งสายน้ำ” เมื่อวันที่ 25 กันยายน 2562
ไทยเบฟริเริ่มการจัดงาน “สายน้ำแห่งวัฒนธรรมไทย” (River Festival) เทศกาลวัฒนธรรมร่วมสมัย และมหกรรมลอยกระทงบนโค้งน้ำที่ยาวที่สุดของแม่น้ำเจ้าพระยา ต่อเนื่องมาเป็นเวลา 6 ปี โดยครั้งแรกเมื่อปี 2557 และได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงวัฒนธรรม กองทัพเรือ กรุงเทพมหานคร การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย วัดพระเชตุพน-วิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์ค เอเชียทีค เดอะริเวอร์ฟร้อนท์ ล้ง 1919 ไอคอนสยาม กลุ่มโรงแรมริมแม่น้ำ เรือด่วนเจ้าพระยา รวมไปถึงพันธมิตรอีกหลายภาคส่วน ร่วมกันสืบสาน เผยแพร่ศิลปวัฒนธรรม และประเพณีอันดีงามของไทยไปทั่วโลก ยังคงสานต่อความสำเร็จของอีกสองโครงการเพื่อความยั่งยืน โดยจัดโครงการ
“คลีนคลอง” และโครงการ
“เยาวชนเจ้าบ้าน สืบสานวัฒนธรรม” ที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จากผลสำรวจในแต่ละปีพบว่าความพึงพอใจของผู้ที่มาเที่ยวงานเพิ่มมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยผลสำรวจเกือบร้อยละ 90 ของผู้ให้สัมภาษณ์ที่เป็นคนไทยเห็นด้วยว่า งานที่จัดขึ้นนี้เป็นการถ่ายทอดวัฒนธรรมแบบร่วมสมัย ถือเป็นงานที่สืบสานประเพณีลอยกระทงอันดีงาม คิดเป็นร้อยละ 98-100 ทำให้คนไทยรู้จักกรุงเทพฯ ในมุมใหม่ที่ไม่เคยเห็น เรียกว่าเป็นงานที่สื่อถึงวิถีไทย พร้อมทั้งช่วยสร้างความยั่งยืนในเชิงวัฒนธรรมและก่อเกิดประโยชน์ต่อชุมชนและสังคม
นอกจากนี้ สายน้ำแห่งวัฒนธรรม 2562 สามารถตอบโจทย์วัตถุประสงค์ของงานได้ดีมากในทุกเรื่อง อาทิ บรรยากาศในงานทำให้เพลิดเพลิน ไม่รู้สึกเบื่อ ได้คะแนนความพึงพอใจร้อยละ 98 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับปี 2560) บรรยากาศภายในงานทำให้รู้สึกน่าจดจำ ได้คะแนนร้อยละ 96 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 31 เมื่อเทียบกับปี 2560) ภายในงานมีการจัดกิจกรรมที่ทำให้รู้สึกอยากเข้าร่วม ได้คะแนนร้อยละ 93 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 เมื่อเทียบกับปี 2560) ความพึงพอใจโดยรวมของงาน ได้คะแนนร้อยละ 97 (เพิ่มขึ้นร้อยละ 29 เมื่อเทียบกับปี 2560) และก่อให้เกิดรายได้สู่ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร คิดเป็นมูลค่า 2.66 ล้านบาท ความคาดหวังการจัดงานครั้งต่อไปจะเป็นการขยายผลไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยเลือกประเทศที่มีวัฒนธรรมประเพณีลอยกระทงเช่นเดียวกัน
คุณสุรพล เศวตเศรนี
อดีตผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
“แม้ความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทอย่างมากในปัจจุบัน แต่คนก็ยังให้ความสำคัญกับเรื่องศิลปวัฒนธรรม เนื่องจากเป็นสิ่งที่ตอบสนองความต้องการทางอารมณ์และจิตใจ
ด้วยเหตุนี้ คุณค่าของศิลปวัฒนธรรมจึงสามารถเปลี่ยนเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจได้อย่างมหาศาล ตั้งแต่งานหัตถกรรมพื้นบ้านจนถึงชิ้นงานศิลปะชั้นสูง ตั้งแต่วิถีชีวิตในชนบทจนถึงงานเทศกาลประเพณีที่ยิ่งใหญ่ ล้วนสร้างผลกระทบทางเศรษฐกิจ สร้างรายได้ สร้างอาชีพ ให้กับผู้คนในหลายระดับ รวมทั้งสร้างชื่อเสียง เกียรติภูมิและความภาคภูมิใจให้กับประเทศด้วย หลายประเทศมีการบริหารจัดการต้นทุนทางศิลปะและวัฒนธรรมทั้งทางตรงและทางอ้อมเพื่อเพิ่มความเข้มแข็งทางเศรษฐกิจ โดยผ่านช่องทางของอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว และยังมีมูลค่าทางเศรษฐกิจและสังคมอีกมากมายของศิลปวัฒนธรรม เช่น การใช้ศิลปวัฒนธรรมเป็นพลังอ่อน (Soft Power) ในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ การสร้างการยอมรับในระดับสากล การเปิดช่องทางทางการค้าและการลงทุน หรือการใช้ทรัพยากรทางวัฒนธรรมในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสร้างสรรค์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและผลิตภัณฑ์ภูมิปัญญาให้เป็นที่ยอมรับสามารถเข้าสู่ตลาดระดับนานาชาติได้”
บรรยากาศงาน “เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” (Water Festival 2019)
แนวคิด “อยู่เย็น เป็นสุข” ระหว่างวันที่ 13-15 เมษายน 2562
ไทยเบฟจัดงาน
“เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” (Water Festival 2019) อย่างต่อเนื่องเป็นครั้งที่ 5 โดยร่วมมือกับกรมอาเซียน กระทรวงการต่างประเทศ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นประธานอาเซียน (ASEAN Chairmanship 2019) งาน “เทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย” (Water Festival 2019) ถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมใหญ่ที่จัดขึ้นเพื่อสนับสนุนนโยบายภาครัฐ ให้ประเทศไทยได้เป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวเชิงศิลปวัฒนธรรมเพื่อบอกเล่าความเป็นไทยไปทั่วโลก สอดคล้องกับแนวคิดของปีวัฒนธรรมแห่งอาเซียน (ASEAN Cultural Year 2019) คือ มีความหลากหลาย สร้างสรรค์ ยั่งยืน (Diversity, Creativity, Sustainability) ให้ได้รับการบรรจุเป็นส่วนหนึ่งของปีแห่งวัฒนธรรมอาเซียนของประเทศไทย พ.ศ. 2562 (ASEAN Cultural Year 2019) ซึ่งถือเป็นมรดกร่วมทางวัฒนธรรมของหลายชาติอาเซียน เพื่อนำไปสู่การส่งเสริมความร่วมมือในกรอบอื่น ๆ ของภูมิภาคอาเซียนได้อย่างยั่งยืนอีกด้วย
จากการจัดงานเทศกาลวิถีน้ำ...วิถีไทย ที่ผ่านมา พบว่าได้รับความพึงพอใจจากนักท่องเที่ยวเพิ่มมากยิ่งขึ้น โดยพื้นที่กรุงเทพมหานครและภูเก็ต ได้รับความพึงพอใจดีกว่าค่ามาตรฐาน ในขณะที่เชียงใหม่และอุดรธานีมีความพึงพอใจอยู่ในระดับปานกลาง กลุ่มผู้เข้าร่วมงานเกือบครึ่งหนึ่งมาเที่ยวกันเป็นครอบครัว รองลงมาเป็นกลุ่มเพื่อนฝูง และด้วยความประทับใจของผู้ที่เข้าร่วมงาน ทำให้แนวโน้มการเข้าร่วมงานในปีต่อมามีโอกาสสูงถึงร้อยละ 81 ซึ่งมาจากกรุงเทพมหานคร ได้แก่ วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร วัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร และภูเก็ต ในขณะที่เชียงใหม่และอุดรธานีมีแนวโน้มคนเข้าร่วมงานน้อยลง และก่อให้เกิดรายได้สู่ชุมชนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร คิดเป็นมูลค่า 1.13 ล้านบาท ความคาดหวังการจัดงานครั้งต่อไปจะเป็นการขยายผลไปยังประเทศเพื่อนบ้านในอาเซียน โดยเลือกประเทศที่มีวัฒนธรรมประเพณีสงกรานต์เช่นเดียวกัน
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์
“สวัสดีปีจอหมา มาคอยท่าปีกุนหมู” เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2561 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
จัดอย่างต่อเนื่องมาเป็นเวลา 13 ปี ตั้งแต่ปี 2549 เป็นต้นมา ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร โดยในปี 2561 ถูกจัดขึ้นในชื่อ นิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์
“สวัสดีปีจอหมา มาคอยท่าปีกุนหมู”
ไทยเบฟสนับสนุนนิทรรศการภาพถ่ายฝีพระหัตถ์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี หรือการร่วมออกร้านฉายานิติกร ในงานอุ่นไอรัก คลายความหนาว ประจำปี 2561 รวมถึงการสนับสนุนหรือส่งเสริมให้มีพื้นที่แสดงออกถึงความสามารถบนเวทีการแสดง เช่น การประกวดบรรเลงดนตรีไทยศรทอง และการแข่งขันต่าง ๆ ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อให้เกิดการพัฒนา แลกเปลี่ยน เรียนรู้สู่ระดับนานาชาติ
นอกจากนี้ยังได้ให้การสนับสนุนคณะนักร้องประสานเสียงสวนพลู เข้าร่วมการแข่งขัน Llangollen International Musical Eisteddfod 2019 ซึ่งได้รับ “รางวัลชนะเลิศอันดับ 1” ด้วยคะแนนสูงสุดของสาขา Open Category Choir เป็นต้น
สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี
เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดนิทรรศการศิลปกรรมช้างเผือก และทรงวาดภาพฝีพระหัตถ์พระราชทาน
เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2562 ณ หอศิลปวัฒนธรรมแห่งกรุงเทพมหานคร
เพื่อส่งเสริมแนวทางศิลปะในเชิงเสมือนจริงและศิลปะรูปลักษณ์ และให้การสนับสนุนศิลปินในแนวทางดังกล่าวได้มีเวทีในการแสดงความสามารถเป็นการเฉพาะ ซึ่งรางวัลชนะเลิศของโครงการประกวดศิลปกรรมช้างเผือกสูงถึง 1 ล้านบาท โดยในปี 2562 ได้ดำเนินโครงการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 8 ภายใต้แนวคิด
“รื่นเริง เถลิงศก”
จัดขึ้นตามที่พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว พระราชทานพระราชดำริที่จะให้ประชาชนได้มีความสุข ความรื่นเริง และรำลึกถึงวิถีชีวิตที่ผ่านมา ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ไทยเบฟได้ออกร้านจำหน่ายสินค้าในโครงการประชารัฐรักสามัคคี และห้องภาพ
“ฉายานิติกร” ให้บริการถ่ายภาพย้อนยุคแก่ผู้ที่มาเที่ยวชมงาน ซึ่งได้ร่วมในกิจกรรมดังกล่าวต่อเนื่องเป็นปีที่ 2