รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน ประจำปี 2561
หน้าแรก / รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2561 / แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยเบฟ ห่วงโซ่คุณค่า ของไทยเบฟ
GRI 102-9

สำหรับไทยเบฟ การพัฒนาห่วงโซ่คุณค่าเป็นยุทธศาสตร์สำคัญ ที่จะส่งผลสำเร็จทางธุรกิจ ดังนั้น เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นในผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพและการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน บริษัทจึงใส่ใจในทุกขั้นตอนและทุกกระบวนการของห่วงโซ่คุณค่า ดังนี้
การจัดซื้อจัดหา
ในฐานะผู้นำในการผลิตเครื่องดื่มรายใหญ่ของประเทศ ไทยเบฟให้ความสำคัญกับกระบวนการจัดซื้อจัดหาที่ต้องมีประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และมุ่งเน้นให้เกิดผลสัมฤทธิ์เพื่อรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการ โดยต้องคำนึงถึงปัจจัย ดังนี้
  • การให้ความสำคัญกับการพัฒนาศักยภาพของคู่ค้า เพื่อให้บรรลุเป้าหมายและเติบโตไปพร้อมกับบริษัทอย่างยั่งยืน โดยกำหนดแนวทางปฏิบัติสำหรับคู่ค้าและนำกลไกการบริหารจัดการความเสี่ยงด้านสินค้า และบริการมาใช้ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการและตรวจสอบผลงาน ให้เป็นไปตามมาตรฐานและกระบวนการจัดการที่เหมาะสม
  • กระบวนการจัดซื้อจัดหาที่มีมาตรฐาน ซึ่งคำนึงถึงปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อมและสังคม เช่น การบริหารจัดการน้ำ อาชีวอนามัย และความปลอดภัยรวมถึงการกำกับดูแลกิจการเพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าและบริการส่งถึงมือ ผู้บริโภคอย่างมีคุณภาพและปลอดภัย
  • การคำนึงถึงผลกระทบหลังการบริโภคจากการจัดซื้อจัดหา เช่น ขวดน้ำแร่ช้าง BioPET ซึ่งเป็นพลาสติกที่ได้มาจากพืช 30%
การผลิต
ไทยเบฟให้ความสำคัญและใส่ใจในกระบวนการผลิตทุกขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็น
  • การควบคุมคุณภาพของสินค้าให้ถูกต้องตามข้อกำหนดทางกฎหมาย และมาตรฐานการจัดการต่างๆ ตามหลักสากล ซึ่งครอบคลุมประเด็น ด้านสิ่งแวดล้อม ความปลอดภัย และผู้บริโภค เช่น มาตรฐาน ISO 9001 GMP HACCP ISO 14001 เครื่องหมายรับรองคุณภาพของน้ำดื่ม National Sanitation Foundation: NSF
  • ความปลอดภัยในการผลิตที่มีการจัดการด้านสุขลักษณะที่ดี โดยเลือกใช้วัตถุดิบที่มีคุณภาพ ปลอดภัย และสร้างความพึงพอใจสูงสุดแก่ผู้บริโภค
  • การใช้ทรัพยากรต่างๆ เช่น ทรัพยากรน้ำและพลังงาน ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม และมีการใช้พลังงานทดแทน การผลิตไอน้ำสำหรับโรงงานผลิตสุรา การติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียแบบไร้อากาศ การติดตั้งหม้อไอน้ำแบบไหลทางเดียว รวมถึงมีการพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่อง
การกระจายสินค้า
ด้วยกระบวนการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพพร้อมกับช่องทางการกระจายสินค้าที่แข็งแกร่งและครอบคลุมทุกพื้นที่ทั่วประเทศไทย โดยสามารถ
  • รักษาคุณภาพของสินค้าและมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูงสุดให้ลูกค้า ทุกกลุ่มควบคู่ไปกับความสัมพันธ์ระหว่างคู่ค้าและไทยเบฟได้เป็นอย่างดี รวมถึงตอบสนองความต้องการของผู้แทนจำหน่ายโดยให้บริการ อย่างมืออาชีพ
  • นำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามามีส่วนร่วมในการบริหารจัดการและการวางแผนการกระจายสินค้า รวมถึงระบบการขนส่ง เช่น การควบคุมวินัยในการขับขี่อย่างปลอดภัยให้แก่พนักงานขับรถ การบริหารการใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ
  • รองรับการให้บริการลูกค้าในกลุ่มธุรกิจร้านอาหารในประเทศไทย โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทได้เข้าไปถือหุ้น บริษัท ฮาวี ลอจิสติกส์ (ประเทศไทย) จำกัด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการขนส่งและกระจายสินค้าที่มีการควบคุมอุณหภูมิของสินค้าให้เหมาะสม ตั้งแต่ออกจากโรงงานไปจนถึงมือ ผู้บริโภค (Cold Chain)
การตลาดและการขาย
ไทยเบฟส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคผ่านช่องทางการจัดจำหน่าย ที่มีประสิทธิภาพ ด้วยการ
  • สร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งและมุ่งเน้นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับลูกค้าผ่านโครงการที่หลากหลาย เช่น โครงการ The Agent “Next Gen” และกิจกรรมส่งเสริมการตลาดในช่องทางการขาย ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ด้านการเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพตามวิสัยทัศน์ 2020
  • สื่อสารและประชาสัมพันธ์ที่แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภค และสังคม หรือการจัดโครงการ Serve Responsibly การให้บริการ อย่างมีความรับผิดชอบของผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และการจัดกิจกรรมส่งเสริมการขายเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภค พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริโภคผ่านช่องทางติดต่อสื่อสาร เพื่อนำมาพัฒนาและตอบสนองความต้องการของลูกค้าให้มากที่สุด
การบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค
ไทยเบฟเชื่อว่าบรรจุภัณฑ์ที่ดี นอกจากจะทำหน้าที่ปกป้องผลิตภัณฑ์และ มีรูปลักษณ์สวยงามแล้ว ยังต้องสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ บริษัทจึงมุ่งเน้น
  • การนำวัสดุหรือบรรจุภัณฑ์สินค้าประเภทต่างๆ เช่น กล่องกระดาษ ไส้กล่อง ขวดแก้ว กระป๋อง และลังพลาสติก ที่ยังใช้ประโยชน์ได้กลับมาใช้ ในกระบวนการผลิตอีกครั้ง
  • การพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่สามารถหมุนเวียนใช้ซ้ำนำกลับมาใช้ใหม่ และสามารถเก็บกลับคืนมาใช้ในกระบวนการได้อีก (Reuse and Recycle) เพื่อลดของเสียที่เกิดขึ้นหลังการบริโภค เพราะ “การใช้ครั้งเดียว” ทำให้เกิดขยะมากเกินจำเป็นและสิ้นเปลืองทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตอีกด้วย

รายงาน
การพัฒนาที่ยั่งยืน 2561