หน้าแรก / รายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน 2560 / แนวทางการพัฒนาที่ยั่งยืนของไทยเบฟ ห่วงโซ่คุณค่าของไทยเบฟ
GRI 102-9

“บริษัทไทยเบฟคำนึงถึงมิติของผู้ที่เราได้ทำงานร่วมกัน ที่จะเก่งขึ้น ดีขึ้น และได้รับผลจากการสร้างสรรค์ และความตั้งใจดีนั้นไปพร้อมกัน และเรายังคิดถึงคุณค่าที่ทุกคนจะได้รับจากสินค้าที่เราผลิต และการให้ต่อสังคมโดยรวมในหลากหลายมิติ ทั้งในด้านสังคม สิ่งแวดล้อม การศึกษา กีฬา และศิลปวัฒนธรรม เพื่อให้เกิดกระแสแห่งความสุข ที่ส่งต่อกันได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด ”

การจัดซื้อจัดหา
บริษัทไทยเบฟให้ความสำคัญกับกระบวนการจัดซื้อจัดหาที่ต้องมี ประสิทธิภาพ มีความโปร่งใส และมุ่งเน้นให้เกิดผลสัมฤทธิ์ ในกระบวนการเพื่อรักษาคุณภาพของสินค้าและบริการ ขณะเดียวกัน ยังให้ความสำคัญกับการดำเนินงานของคู่ค้าให้เกิดการพัฒนา ตามมาตรฐานที่กำหนดเพื่อให้บรรลุเป้าหมาย รวมถึงการเติบโตอย่างยั่งยืนพร้อมกับบริษัท โดยบริษัทได้นำกลไกการบริหารจัดการ ความเสี่ยงด้านสินค้าและบริการมาใช้ควบคู่ไปกับการบริหารจัดการ ความเสี่ยงคู่ค้า ตั้งแต่การคัดสรรวัตถุดิบไปจนถึงคัดกรองคู่ค้าและ ตรวจสอบผลงานให้เป็นไปตามมาตรฐานและกระบวนการจัดการ ที่เหมาะสม โดยคำนึงถึงปัจจัยทางด้านสิ่งแวดล้อมสังคมและ การกำกับดูแลกิจการ เพื่อให้มั่นใจว่าสินค้าและบริการที่ส่งถึงมือ ผู้บริโภคนั้นมีคุณภาพและปลอดภัย

การผลิต
บริษัทไทยเบฟให้ความสำคัญและใส่ใจในทุกขั้นตอนของกระบวน การผลิต ทั้งในเรื่องการควบคุมคุณภาพของสินค้าให้ได้มาตรฐาน ความปลอดภัยในการผลิต การใช้ทรัพยากรต่างๆ เช่น ทรัพยากรน้ำ และพลังงาน ให้คุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดโดยไม่ก่อให้เกิดมลพิษ ต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม การปฏิบัติให้ถูกต้องตามข้อกำหนด ทางกฎหมายและมาตรฐานการจัดการต่างๆ ตามหลักสากล เช่น มาตรฐาน ISO 9000 GMP HACCP ISO 14000 เครื่องหมายรับรองคุณภาพของน้ำดื่ม National Sanitation Foundation: NSF อีกทั้งยังมีการพัฒนา นวัตกรรมและเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้มั่นใจได้ว่าผลิตภัณฑ์ของกลุ่มไทยเบฟเป็นผลิตภัณฑ์ ที่มีคุณภาพและมาตรฐานสูงสุด และที่สำคัญคือเป็นมิตรต่อ สิ่งแวดล้อม และไม่ส่งผลกระทบต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียขององค์กร

การกระจายสินค้า
บริษัทไทยเบฟให้ความสำคัญในเรื่องการบริหารจัดการและการวางแผนการกระจายสินค้าที่มีประสิทธิภาพด้วยช่องทางการ กระจายสินค้าที่แข็งแกร่งและครอบคลุม ทำให้กระบวนการจัดส่งสินค้า จากแหล่งผลิตไปถึงจุดหมายปลายทางในแหล่งของผู้บริโภคได้ตามเป้าหมายที่กำหนดโดยสามารถรักษาคุณภาพของสินค้า พร้อมกับความสัมพันธ์อันดีระหว่างคู่ค้าและกลุ่มบริษัทไทยเบฟ ได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้บริษัทยังได้ตระหนักถึงผลกระทบที่อาจเกิดจากระบบการขนส่ง จึงนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามามีส่วนร่วม ในการบริหารจัดการและการวางแผนการกระจายสินค้า เช่น การควบคุมวินัยในการขับขี่อย่างปลอดภัยให้แก่พนักงานขับรถ การบริหารการใช้พลังงานเชื้อเพลิงอย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งประโยชน์ ที่ได้รับคือ กลุ่มบริษัทไทยเบฟสามารถควบคุมและจัดการผลกระทบ ด้านต่างๆ ต่อผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้เป็นอย่างดี

การตลาดและการขาย
บริษัทไทยเบฟส่งมอบผลิตภัณฑ์ให้กับผู้บริโภคผ่านช่องทาง การจัดจำหน่ายที่มีประสิทธิภาพ โดยการสร้างเครือข่ายที่แข็งแกร่งและมุ่งเน้นการสร้างสัมพันธภาพที่ดีกับคู่ค้า ผ่านโครงการหลากหลาย โครงการ เช่น โครงการ The Agent “Next Gen” ซึ่งเป็นหนึ่งในกลยุทธ์ตามวิสัยทัศน์ 2020 รวมถึงใช้การสื่อสารประชาสัมพันธ์ ที่แสดงออกถึงความรับผิดชอบต่อผู้บริโภคและสังคม ไม่ว่าจะเป็น การใช้ฉลากผลิตภัณฑ์ที่ระบุรายละเอียดทางโภชนาการ หรือการจัด โครงการอบรมการเสิร์ฟอย่างรับผิดชอบ และการจัดกิจกรรมส่งเสริม การขายเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับผู้บริโภค ขณะเดียวกันไทยเบฟ พร้อมรับฟังความคิดเห็นจากผู้บริโภคผ่านช่องทางติดต่อสื่อสารต่างๆ เพื่อนำมาพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงตามความต้องการ ของผู้บริโภคให้มากที่สุด

การบริหารจัดการบรรจุภัณฑ์หลังการบริโภค
ด้วยความเชื่อที่ว่าบรรจุภัณฑ์ที่ดีนอกจากจะทำหน้าที่ปกป้องผลิตภัณฑ์และมีรูปลักษณ์สวยงามแล้ว ยังต้องสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้ จึงทำให้มีการนำวัสดุหรือบรรจุภัณฑ์สินค้าประเภทต่างๆ เช่น กล่องกระดาษ ไส้กล่อง ขวดแก้ว ลังพลาสติก ที่ยังสามารถ ใช้ประโยชน์ได้ถูกนำกลับมาใช้ในกระบวนการผลิตอีก บริษัทจึงได้ พัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากวัสดุที่สามารถหมุนเวียนใช้ซ้ำ นำกลับมา ใช้ใหม่ และสามารถเก็บกลับคืนมาใช้ในกระบวนการได้อีก เพื่อลด ของเสียที่เกิดขึ้นหลังการบริโภค เพราะ “การใช้ครั้งเดียว” ทำให้เกิด ขยะมากเกินจำเป็นและสูญเสียทรัพยากรธรรมชาติในการผลิตวัสดุ บรรจุภัณฑ์สินค้าเหล่านี้อีกด้วย


รายงาน
การพัฒนาที่ยั่งยืน 2560